ศรีลังกาประท้วงเดือด! บุกยึดทำเนียบ-เผาบ้านนายกฯ ประธานาธิบดีประกาศลาออก 13 ก.ค.นี้

ผู้ชุมนุมชาวศรีลังกาที่ไม่พอใจ กับการบริหารของรัฐบาล พากันบุกยึดทำเนียบประธานาธิบดี และเผาบ้านนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา ลาออกจากตำแหน่ง


ภาพของผู้ชุมนุมชาวศรีลังกาจำนวนมาก กำลังบุกเข้าไปที่ทำเนียบประธานาธิบดี โกตาบา ราชปักษา ในกรุงโคบอมโบ เมืองหลวงของประเทศ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ทหารไม่สามารถขัดขวางกลุ่มผู้ชุมนุมที่ต้องการให้ประธานาธิบดีลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากการบริหารที่ผิดพลาด จนทำให้ประเทศเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ ที่เลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 70 ปี


ผู้ชุมนุมที่คาดว่าน่าจะมีมากกว่า 1 แสนคน พากันเดินไปทั่วบ้าน ขึ้นไปนอนบนที่นอนและนั่งบนโซฟา นอกจากนี้ ยังมีบางคนลงไปว่ายน้ำในสระ รวมถึงมีคนหยิบเอาของมีค่าต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้านพักไปด้วย พร้อมทั้ง ยังใช้ห้องน้ำสุดหรูของประธานาธิบดี ท่ามกลางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด


รายงานจากสื่อต่างประเทศระบุว่า ประธานาธิบดีราชปักษาไม่ได้พักอยู่ที่ทำเนียบ โดยเขาเดินออกจากบ้านพักตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนหน้าการชุมนุมครั้งใหญ่


สถานการณ์เริ่มทวีความรุนแรงตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะในเวลาต่อมา กลุ่มผู้ชมุนุมได้เคลื่อนขบวนไปที่บ้านพักส่วนตัวของ นายรานิล วิกรมสิงเห นายกรัฐมนตรีของศรีลังกา พร้อมกับจุดไฟเผาบ้านพัก แม้ว่า ก่อนหน้านี้ เขาจะออกมาประกาศว่า ตนเองเต็มใจที่จะลาออกจากตำแหน่งเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และเปิดทางให้ทุกพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ไขวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น


ซึ่งรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีวิกรมสิงเห ถูกเจ้าหน้าที่พาตัวออกจากบ้านพัก ไปยังที่ปลอดภัยแล้ว


ล่าสุด ทางด้าน นายมหินทา อเบวาร์ดานา โฆษกของรัฐสภา ออกมาประกาศว่าประธานาธิบดีโกตาบายา ราชปักษา เตรียมที่จะลาออกจากตำแหน่ง หลังถูกกลุ่มผู้ชุมนุมกดดันอย่างหนัก โดยเขาจะลงจากตำแหน่ง ในวันพุธนี้ (13 ก.ค.65) เพื่อรับประกันว่าการเปลี่ยนผ่านอำนาจจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนเคารพกฎหมายและอยู่ในความสงบ


ทั้งนี้ ศรีลังกา ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากร 22 ล้านคน ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้ายที่สุด ผู้คนนับล้านต้องดิ้นรน เพื่อซื้ออาหาร ยารักษาโรค และเชื้อเพลิง ประเทศต้องเผชิญกับวิกฤตการเงินที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 70 ปี ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อเมื่อเดือนมิถุนายน พุ่งสูงถึง 54.6% จึงเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ประชาชนออกมาชุมนุมประท้วง


ซึ่งการชุมนุมในศรีลังกามีมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในตอนแรกก็เป็นไปอย่างสงบ แต่ประธานาธิบดีก็ยังไม่ยอมลาออกตามข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม จนทำให้การประท้วงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ