ต่างประเทศ

อินโดนีเซียลงนามซื้อพลังงานและธัญพืชจากสหรัฐฯ เพิ่มเติมหวัง “ทรัมป์” ลดภาษี

9 ก.ค. 2568

35 views

อินโดนีเซีย ลงนามนำเข้าน้ำมันและสินค้าทางการเกษตรจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายเพื่อจูงใจให้รัฐบาลสหรัฐฯ พิจารณาลดอัตราภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ 32%

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศแผนเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากอินโดนีเซียในอัตราสูงถึง 32% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ทำให้อินโดนีเซียต้องเร่งหาแนวทางเพื่อให้สหรัฐฯ ทบทวนอัตราภาษีดังกล่าว โดยเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา อินโดนีเซียเพิ่งบรรลุข้อตกลงซื้อข้าวสาลีจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม มูลค่า 1,250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 40,800 ล้านบาท)

ล่าสุด นายแอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ซึ่งเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. อย่างเร่งด่วนเมื่อวานนี้ (08 ก.ค.) ได้เปิดเผยว่า เปอร์ตามินา (Pertamina) รัฐวิสาหกิจน้ำมันแห่งชาติของอินโดนีเซีย ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อจัดซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ เพิ่มเติม แต่ยังไม่ได้ระบุรายละเอียดที่แน่ชัด

ขณะเดียวกัน ซอรินี อะโกร เอเชีย คอร์ปอรินโด (Sorini Agro Asia Corporindo) ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทแป้ง และ เอฟเคเอส กรุ๊ป (FKS Group) ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งของอินโดนีเซีย ก็ได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อซื้อข้าวโพดจากคาร์กิลล์ (Cargill) ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายธัญพืชและสินค้าเกษตรรายใหญ่ของสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายฮาร์ตาร์โตไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของข้อตกลงที่ลงนามไป แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเคยให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่าภาคธุรกิจของอินโดนีเซียเตรียมใช้เงินลงทุนกว่า 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.1 ล้านล้านบาท) เพื่อซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่ม

ด้านสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ณ กรุงวอชิงตัน ระบุว่าการบรรลุข้อตกลงครั้งนี้จะช่วยปูทางไปสู่โอกาสความร่วมมือใหม่ๆ และกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ กับอินโดนีเซียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับอินโดนีเซียเป็นมูลค่า 17,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 580,000 ล้านบาท) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 5.4%

คุณอาจสนใจ

Related News