“ทรัมป์” ฉุน ญี่ปุ่นไม่ยอมนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ ซัดเป็นชาติที่เอาแต่ใจ ขู่ใช้มาตรการภาษีบีบ

“โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐอเมริกา แสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อญี่ปุ่นที่ไม่ยอมเปิดตลาดนำเข้าข้าวจากสหรัฐฯ ทั้งที่กำลังขาดแคลน พร้อมตราหน้าว่าเป็น “ชาติที่เคยตัวจนเสียคน” และขีดเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ หากยังไม่ยอม อาจต้องเจอกับภาษีมหาโหด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่า “ผมเคารพญี่ปุ่นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาไม่ยอมรับข้าวของเรา ทั้งๆ ที่พวกเขากำลังขาดแคลนข้าวอย่างมหาศาล ดังนั้น เราจะแค่ส่งจดหมายไปหาพวกเขา และเราก็ยินดีที่จะมีพวกเขาเป็นคู่ค้าไปอีกหลายปี”

ประเด็นเรื่องข้าวกลายเป็นชนวนล่าสุดที่ทรัมป์ใช้กดดันญี่ปุ่น นอกเหนือจากที่เคยกล่าวหาว่าญี่ปุ่นทำการค้า "ไม่เป็นธรรม" ในเรื่องรถยนต์ ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 25%

คำขู่ของทรัมป์ไม่ใช่แค่ลมปากเพียงเท่านั้น เนื่องจากล่าสุด นายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงการคลังได้ออกมาย้ำเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ว่าเป็นของจริง หากการเจรจาไม่คืบหน้า ประเทศคู่ค้าที่ “ดื้อรั้น” จะต้องเตรียมรับมือกับอัตราภาษีที่สูงลิ่วในระดับ 11% ถึง 50% จากที่เคยลดให้ชั่วคราวที่ 10%

ทางด้านนายเรียวเซอิ อาคาซาวะ หัวหน้าคณะเจรจาของญี่ปุ่น ได้ออกมาตอบโต้อย่างสุขุม โดยยืนยันว่าญี่ปุ่นจะยังคงทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อหาทางออก แต่ก็ต้องทำเพื่อ "ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ" เป็นสำคัญ

เช่นเดียวกับนายโยชิมาซะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ออกมาแถลงว่า ญี่ปุ่นจะไม่ยอมเสียสละภาคการเกษตรให้กับการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี นายฮายาชิปฏิเสธที่จะพูดถึงคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง แต่ย้ำว่ารัฐบาลจะยังคงเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ต่อไป เพื่อหาข้อตกลงที่เพิ่มผลประโยชน์ให้กับญี่ปุ่นมากที่สุด

ปัจจุบัน ญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเก็บเกี่ยวและสภาพอากาศในปี 2566 ที่ทำให้ข้าวมีคุณภาพไม่ดี และเกิดการขาดแคลนในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี รัฐบาลญี่ปุ่นได้นำข้าวสารจากคลังสำรองฉุกเฉินเกือบทั้งหมดออกมาบรรเทาสถานการณ์แล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคม