ต่างประเทศ

“ทรัมป์” ถกทีมความมั่นคงพิจารณา จ่อร่วมรบอิสราเอลถล่มอิหร่าน

โดย nicharee_m

18 มิ.ย. 2568

190 views

“ทรัมป์” ถกทีมความมั่นคง พิจารณานำสหรัฐฯ ร่วมรบอิสราเอล โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ด้านผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศกร้าว “จะไม่ประนีประนอม”

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา กำลังพิจารณาอย่างจริงจังถึงการนำสหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามกับอิสราเอล หลังเรียกร้องให้อิหร่านยอมจำนนอย่างไร้เงื่อนไข ด้านผู้นำสูงสุดอิหร่านประกาศกร้าว “จะไม่ประนีประนอม” และจะถล่มอิสราเอลแบบ “ไม่มีเมตตา” ขณะที่สงครามยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6

อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้โพสต์ข้อความผ่านเอ็กซ์ (X) ว่าการสู้รบเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น พวกเขาจะตอบโต้ระบอบไซออนิสต์ ซึ่งเป็นผู้ก่อการร้ายอย่างแข็งกร้าว และอิหร่านจะไม่แสดงความเมตตาต่อพวกไซออนิสต์โดยเด็ดขาด

ท่าทีดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้อิหร่านยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมกับส่งสารท้าทายไปถึงผู้นำสูงสุดของอิหร่านโดยตรงว่า “จะยังไม่มีการสังหารผู้นำสูงสุดของอิหร่าน แม้จะรู้ดีว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน เขาเป็นเป้าหมายที่หาง่ายมาก แต่ตอนนี้เขายังปลอดภัยดี”

ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทรัมป์ได้จัดการประชุมร่วมกับทีมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติเป็นเวลานานเกือบ 90 นาที เพื่อพิจารณาถึงการร่วมมือกับอิสราเอลในการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยมีเป้าหมายหลักคือ โรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ ซึ่งเป็นโรงงานที่ฝังลึกอยู่ใต้ภูเขาใกล้เมืองกอม ทางตอนเหนือของอิหร่าน และเป็นที่ตั้งของเครื่องหมุนเหวี่ยงขั้นสูงที่ใช้เสริมสมรรถนะยูเรเนียมให้มีความบริสุทธิ์

อย่างไรก็ตาม ทีมที่ปรึกษาของประธานาธิบดีทรัมป์ยังมีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องนี้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหากทรัมป์ทำเช่นนั้นจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน “เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง”

สัญญาณการเตรียมพร้อมของสหรัฐฯ ยังปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อมีรายงานว่าในช่วง 3 วันที่ผ่านมา มีเครื่องบินบรรทุกน้ำมันของกองทัพสหรัฐฯ ที่ใช้เติมเชื้อเพลิงให้เครื่องบินรบและเครื่องบินทิ้งระเบิด ถูกส่งไปยังยุโรปแล้วอย่างน้อย 30 ลำ

ล่าสุด ผู้นำสูงสุดของอิหร่านได้ออกแถลงการณ์ผ่านทางสถานีโทรทัศน์ ตอบโต้คำขู่ของทรัมป์ โดยบอกว่าชาวอิหร่านไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ และบอกว่าถ้าหากสหรัฐฯ เข้ามาแทรกแซงการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน จะก่อให้เกิดความเสียหายแบบที่ไม่สามารถแก้ไขได้

ขณะที่การสู้รบยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6 แล้ว โดยอิสราเอลยังคงเดินหน้าโจมตีทางอากาศใส่อิหร่านอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้โจมตีโรงงานผลิตขีปนาวุธโคจีร์ (Khojir) ใกล้กรุงเตหะราน ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านขีปนาวุธของอิหร่าน

นอกจากนี้ กองทัพอิสราเอลยังยังยืนยันว่าได้ใช้เครื่องบินรบกว่า 50 ลำ ปฏิบัติการโจมตีหลายระลอกในพื้นที่กรุงเตหะราน โดยมีเป้าหมายหลักคือ โรงงานผลิตเครื่องหมุนเหวี่ยง เพื่อสกัดกั้นโครงการนิวเคลียร์ และแหล่งผลิตอาวุธอื่นๆ รวมถึงโรงงานผลิตชิ้นส่วนประกอบขีปนาวุธชนิดพื้นดินสู่พื้นดิน

สำหรับเครื่องหมุนเหวี่ยง หรือ เซนตริฟิวจ์ (Centrifuge) เป็นเครื่องจักรที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะแล้วสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับโรงไฟฟ้า หรือนำไปผลิตเป็นระเบิดนิวเคลียร์ได้เช่นกัน

ส่วนฝั่งอิหร่าน กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้ยิงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงฟัตตาห์ วัน (Fattah-1) ไปยังกรุงเทลอาวีฟของอิสราเอล ซึ่งอิหร่านเคยใช้ขีปนาวุธชนิดนี้ในการโจมตีอิสราเอลมาแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2567 และนี่เป็นครั้งแรกที่ขีปนาวุธฟัตตาห์ วัน ถูกใช้ในการทำสงครามรอบนี้

ขณะเดียวกัน ทางกองทัพอิสราเอลยืนยันว่ามีขีปนาวุธอิหร่าน 2 ลูกถูกยิงมายังอิสราเอลในช่วง 2 ชั่วโมงแรกของเช้าวันนี้ ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังทั่วกรุงเทลอาวีฟ แต่ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแม้ว่าการโจมตีของอิหร่านจะก่อให้เกิดความเสียหายก็ตาม

ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุขของอิหร่านเผยว่าการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 585 คน และบาดเจ็บ 1,326 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่อิสราเอลบอกว่ามีพลเรือนของตนเสียชีวิต 24 คน และบาดเจ็บกว่า 1,300 คน ในขณะที่ประชาชนในทั้งสองประเทศต่างพากันอพยพเพื่อความปลอดภัย


คุณอาจสนใจ

Related News