“ทรัมป์” เดือด! ซัดปูติน “บ้าไปแล้ว” หลังรัสเซียเปิดฉากถล่มยูเครนหนัก

“โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ เดือด ฉะ “ปูติน” ผู้นำรัสเซีย หลังกองทัพรัสเซียเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ใส่ยูเครนเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมแสดงความไม่พอใจและวิจารณ์ผู้นำรัสเซียอย่างเผ็ดร้อนว่า “บ้าไปแล้ว”

ประธานาธิบดีทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับว่าประธานาธิบดีปูตินเป็นบ้าอะไรไปแล้ว? เขากำลังเข่นฆ่าผู้คนจำนวนมาก แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะรู้จักกันมานานและปกติก็เข้ากันได้ดีมาตลอด แต่การที่ปูตินส่งจรวดไปถล่มเมืองต่าง ๆ เข่นฆ่าผู้คน เขาไม่ชอบมันเลย

ผู้นำสหรัฐฯ ยังเปรยถึงการพิจารณาการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมกับรัสเซีย อย่างไรก็ดี ทรัมป์เคยขู่ว่าจะทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นรูปธรรมออกมา

ต่อมาทรัมป์ยังได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่าประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียคงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ และเตือนว่าหากรัสเซียต้องการยึดครองยูเครนทั้งหมด นั่นอาจจะนำไปสู่การล่มสลายของรัสเซีย

คำพูดดังกล่าวของทรัมป์มีขึ้นหลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา รัสเซียระดมยิงโดรนและขีปนาวุธมากถึง 367 ลูกโจมตีใส่หลายเมืองของยูเครน รวมถึงกรุงเคียฟ ซึ่งถือเป็นการโจมตีที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามขึ้นในปี 2565 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก แม้แต่ในช่วงเช้าของวันนี้ เสียงไซเรนเตือนภัยก็ยังคงดังระงมในหลายพื้นที่ เช่น เมืองคาร์คีฟ

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครนได้ออกมาวิจารณ์ “ความเงียบ” ของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อการโจมตีของรัสเซียว่าเป็นการส่งเสริมปูติน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้แรงกดดันอย่างหนักและมาตรการคว่ำบาตรที่รุนแรงขึ้นเพื่อยุติสงคราม

แต่ในขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ยังไม่วายที่จะตำหนิประธานาธิบดีเซเลนสกีว่าการพูดแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไรประเทศของเขาเลย ทุกคำพูดของเซเลนสกีสร้างแต่ปัญหา และทรัมป์ก็ไม่ชอบมันมาก พร้อมกับผู้นำยูเครนให้หยุดได้แล้ว

ท่าทีที่แข็งกร้าวของทรัมป์ต่อปูตินในครั้งนี้ยังเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้มีการพูดคุยหารือทางโทรศัพท์กับผู้นำรัสเซียนานถึง 2 ชั่วโมงเมื่อสัปดาห์ก่อนเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอการหยุดยิงจากสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์อ้างว่าเป็นไปด้วยดีมาก และเชื่อว่าการเจรจาสันติภาพจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้

แม้ว่ายูเครนจะยอมรับข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้หยุดยิง 30 วันแล้ว แต่ทางประธานาธิบดีปูตินกลับกล่าวเพียงว่ารัสเซียจะทำงานร่วมกับยูเครนเพื่อร่าง “บันทึกความเข้าใจ” เกี่ยวกับ “สันติภาพที่เป็นไปได้ในอนาคต” ซึ่งทางเคียฟและพันธมิตรยุโรปมองว่าเป็นเพียงกลยุทธ์ซื้อเวลา การเจรจาโดยตรงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมที่อิสตันบูลก็แทบไม่มีความคืบหน้าใดๆ นอกจากการแลกเปลี่ยนเชลยศึกครั้งใหญ่