“โดนัลด์ ทรัมป์” แถลงนโยบายประจำปีครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง เจอประท้วงทั้งนอกและในสภา

“โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ แถลงนโยบายประจำปีครั้งแรกต่อสภาคองเกรส หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี กล่าวสุนทรพจน์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสหรัฐฯ เจอผู้ประท้วงทังในและนอกสภา ส่งเสียงตะโกนโห่ร้องจนทำให้การแถลงหยุดชะงัก

การแถลงครั้งนี้ก็เป็นไปตามแบบฉบับของทรัมป์ เริ่มต้นด้วยการชื่นชมความสำเร็จครั้งใหญ่ของตนเอง ทั้งๆที่เข้ารับตำแหน่งได้เพียง 43 วัน ทรัมป์บอกว่า เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ สำเร็จมากกว่าประธานาธิบดีที่ดำรงตำแหน่งมา 4 ปี และ 8 ปี เปรียบเทียบตัวเองเหมือนกับจอร์จ วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศที่เป็นผู้นำทางทหารและการเมืองที่โดดเด่น ทรัมป์ยังได้กล่าวถึงชัยชนะของตนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งทรัมป์ย้ำว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น

สำหรับประเด็นสำคัญในการแถลงครั้งนี้ ทรัมป์โจมตีรัฐบาลโจ ไบเดนที่ทำให้เศรษฐกิจประเทศย่ำแย่ และได้เอ่ยชื่ออีลอน มัสก์ ผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล และชื่นชมการทำงานมัสก์จะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ ลดการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยและการฉ้อโกงได้

ทรัมป์ยังให้สัญญาว่า จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองต่อไป และปกป้องนโยบายภาษีศุลกากรของตนอย่างเต็มที่ โดยกล่าวว่า นโยบายดังกล่าว "ปกป้องจิตวิญญาณของประเทศ

ทรัมป์ยังให้คำมั่นสัญญาว่า จะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองต่อไปอย่างคืบหน้า และปกป้องนโยบายภาษีศุลกากรของตนอย่างเต็มที่ โดยกล่าวว่านโยบายดังกล่าว "ปกป้องจิตวิญญาณของประเทศ" ทรัมป์ย้ำว่า ประเทศอื่นๆใช้มาตรกาภาษีกับเรามานานหลายทศวรรษ และตอนนี้ถึงคราวที่เราจะเริ่มใช้ภาษีกับประเทศอื่นๆบ้าง แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่จะเตือนว่านโยบายดังกล่าวจะส่งผลให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นก็ตาม ทรัมป์ยังให้คำมั่นสัญญาอีกครั้งว่า จะปรับสมดุลของงบประมาณ

ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องยูเครน ทรัมป์บอกว่า เขาได้รับจดหมายจากประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ซึ่งผู้นำยูเครนแสดงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน และยังพร้อมที่จะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุหายากด้วย

อย่างไรก็ตามการแถลงเขาถูกขัดจังหวะจากสมาชิกพรรคเดโมแครต และถูกโห่ร้องเพื่อพยายามขัดจังหวะการแถลงของเขาหลายครั้งหลายครา สส.เดโมแครตยังถือป้ายที่มีข้อความว่า"เป็นเรื่องเท็จ" (False) "นี่เป็นเรื่องโกหก" (That’s a lie!) และข้อความโจมตีอีลอน มัสก์ ที่มีข้อความว่า "มัสก์ ขี้ขโมย" (Musk steals)

สภา สส.พรรคเดโมแครตบางคนสวมชุดสีชมพู เพื่อประท้วงทรัมป์ที่ทรยศต่อผู้หญิงและครอบครัว เริ่มตั้งแต่ที่ทรัมป์เดินเข้ามาทักทายสส.ในสภา นางเมลานี สแตนส์เบอรี จากรัฐนิว เม็กซิโก ที่สวมเสื้อสีชมพูสด ชูกระดาษที่เขียนว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ" ขึ้นมา

หลังจากนั้นนายแลนซ์ กูเดน สส.จากรัฐเท็กซัสของพรรครีพับลิกันก็เอื้อมมือมาดึงป้ายออกจากมือของนางสแตนส์เบอรี และเขวี้ยงทิ้งไป

และในระหว่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังแถลง สมาชิกสภาฝั่งเดโมแครตส่งเสียงตะโกนโห่ร้องออกมา ทำให้การแถลงหยุดชะงัก จนนายไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกันต้องประกาศเตือนให้สส.รักษามารยาท หยุดก่อความวุ่นวาย ถึง 2 ครั้ง แต่ความวุ่นวายก็ยังไม่จบ นายอัล กรีน สส.จากรัฐเท็กซัส ไม่ยอมนั่งลง ตามที่ประธานสภาสั่ง เขายังยืนประท้วงและถือไม้เท้าชี้ไปทางทรัมป์ พร้อมตะโกนว่า ทรัมป์ไม่ได้มีความชอบธรรมในชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายน และไม่มีอำนาจในการยุบโครงการประกันสุขภาพ จนประธานสภาต้องให้เจ้าหน้าที่มาเชิญตัวนายอัล กรีน ออกไป

ความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองในสหรัฐฯนี้สะท้อนให้เห็นถึงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วง 6 สัปดาห์แรกของการดำรงตำแหน่งของทรัมป์ ซึ่งทรัมป์ได้พลิกโฉมนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯหลายเรื่อง จนนักวิเคราะห์ทางการเมืองหลายท่านกล่าวว่า ทรัมป์กำลังจัดระเบียบโลกใหม่ รวมไปถึงการจุดชนวนสงครามการค้ากับประเทศพันธมิตรที่ใกล้ชิด และลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลาง

การแถลงต่อสภาครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดแก่ยูเครน หลังจากที่มีการปะทะคารากันดุเดือดระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของูเครนที่ทำเนียบขาว ต่อหน้าสื่อมวลชนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จนนำไปสู่การยุติการให้ความช่วยเหลือทางทหารกับยูเครนทั้งหมดและเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนอย่างรุนแรง ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างรวดเร็วเป็นวันที่สองติดต่อกัน