ต่างประเทศ

เวิลด์แบงก์ หั่น GDP ไทยปี 67 เหลือโต 3.2% ชี้เงินดิจิทัล ส่อดันหนี้สาธารณะพุ่ง

โดย nutda_t

15 ธ.ค. 2566

126 views

ธนาคารโลก หรือ เวิลด์ แบงก์ ออกรายงานครึ่งปีสำหรับเศรษฐกิจชื่อว่า "ไทยแลนด์ อิโคโนมิค มอนิเตอร์ " (Thailand Economic Monitor) คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวเพียง 2.5% ในปีนี้ และขยายตัว 3.2% ในปีหน้า  โดยได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว การส่งออก และการบริโภคภาคเอกชนบนพื้นฐานความยั่งยืน ซึ่งอัตราการเติบโตดังกล่าว ถือว่าต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้เมื่อเดือนตุลาคม ซึ่งในครั้งนั้นคาดว่า ไทยจะเติบโตที่ 3.4% ในปีนี้ และ 3.5% ในปีหน้า  


ธนาคารโลก ระบุว่า ด้านการท่องเที่ยว คาดว่ากว่าจะกลับสู่ระดับปกติก่อนเกิดการระบาดของโควิด 19 นั้น ต้องรอถึงช่วงกลางปี 2568 โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของจีน ซึ่งคาดว่าในปี 2568 ไทยจะเติบโตได้ที่ 3.1%  


อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่อาจส่งผลในระยะยาวต่อโครงสร้างเศรษฐกิจไทย คือโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย วางแผนไว้ ซึ่งอาจคิดเป็น 2.7% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ทำให้มีแรงขับที่จะสามารถกระตุ้นการเติบโตในระยะสั้นได้อีก 0.5 ถึง 1% ในช่วงระยะเวลา 2 ปีในปี 2567 และ 2568 หากดำเนินการตามกรอบและขั้นตอนที่วางไว้


แต่จากการใช้นโยบายดังกล่าว จะทำให้เกิดการสภาพขาดดุลทางการคลังของไทยอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเพิ่มขึ้นเป็น 4% ถึง 5% ของจีดีพี และอาจจะส่งผลให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงถึง 65- 66% ของจีดีพี


ขณะที่ในด้านของเงินเฟ้อ ธนาคารโลก ระบุว่า ในปีหน้า เงินเฟ้อในไทยน่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 1.1% จากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่ราคาอาหารกลับมีแนวโน้มที่จะขยับสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความไม่แน่นอนจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกที่ยังคงรุนแรงอยู่นั้น ประกอบกับราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นได้ทุกเมื่อ ก็อาจจะนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากไทยพึ่งพาการนำเข้าพลังงานสูง ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านลบต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจ

คุณอาจสนใจ

Related News