“เผ่าภูมิ” ยันแจกเงินหมื่น Gen Z เหมือนเดิม ชี้เร่งพิจารณาใช้งบรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจ

“เผ่าภูมิ” ยันลุยแจกเงินดิจิทัล Gen Z หมือนเดิมไม่เปลี่ยน ไม่เกินไตรมาส 2 ปีนี้ เผยเร่งพิจารณาใช้งบรับมือสถานการณ์เศรษฐกิจ ด้าน “ปลัดคลัง” รับงบมีจำกัด แนะบูสผ่านโครงการลงทุนขนาดเล็กมีประสิทธิภาพมากกว่า

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยันว่า โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่าง ๆ ให้รอบคอบ ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันมีปัจจัยภายนอกที่นอกเหนือการควบคุมเข้ามากระทบ และยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน รัฐบาลจะต้องบริหารจัดการในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะงบประมาณอย่างรอบคอบมากที่สุด ไม่ใช่แค่งบประมาณที่จะใช้รองรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ต วงเงิน 1.57 แสนล้านบาทเท่านั้น แต่ต้องรวมไปถึงงบประมาณทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง อาทิ งบประมาณปี 2569 ที่จะต้องพิจารณาให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูงที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ โดยเฉพาะจากความเสี่ยงของมาตรการภาษีสหรัฐฯ ที่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน ดังนั้นเรื่องการประเมินผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจไทยจึงยังอยู่ในช่วงฝุ่นตลบ หากอัตราภาษีที่สหรัฐฯ จะเก็บจากไทยออกมาน้อย ก็มีผลกระทบน้อย แต่หากออกมาเยอะ ผลกระทบก็มาก จึงยังไม่สามารถประเมินได้ และยากที่จะบอกว่ารัฐบาลจะต้องใช้เม็ดเงินจำนวนเท่าไหร่ในการเข้าไปอุดช่องโหว่ให้เศรษฐกิจจากปัจจัยดังกล่าว

สำหรับการเตรียมมาตรการเพื่อพยุงเศรษฐกิจระหว่างนี้ ต้องหารือหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งพาณิชย์ ภาคการเกษตร ภาคการท่องเที่ยว และภาคการต่างประเทศด้วย

ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่ผ่านมารัฐบาลได้รักษาโมเมนตั้มการเติบโตของเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี มีอัตราการเติบโตทุกไตรมาส เป็นไปในทิศทางที่ดี แม้ว่าจะโตช้ากว่าที่อยากให้เป็น แต่ก็มีการเติบโตมากกว่าที่คาดการณ์ ส่วนในปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีปัจจัยภายนอกที่เหนือการควบคุมเข้ามาแทรกซ้อน และส่งผลกระทบทั่วทั้งโลก ทำให้ไทยสูญเสียโมเมนตั้มทางเศรษฐกิจไปบ้าง ส่วนจะมาก หรือน้อย อยู่ที่ผลลัพธ์ปลายทางว่าจะไปจบที่ไหน ดังนั้นจึงอยากให้รอดูก่อน โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการที่จะลดผลกระทบต่าง ๆ ทั้งในมิติของการเจรจา การเตรียมความพร้อมของประเทศ ผ่านมาตรการต่าง ๆ

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การดำเนินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 นั้น ต้องเป็นการตัดสินใจของฝ่ายนโยบาย แต่ยืนยันว่ามีเม็ดเงินที่รองรับอยู่แล้ว จำนวน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งอยู่ในงบประมาณปี 2568 ซึ่งสุดท้ายแล้วเม็ดเงินตรงนี้จะใช้ทำอะไร อย่างไร คงเป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่ แต่จะต้องมีการใช้จ่ายภายในปีนี้อย่างแน่นอน

ต้องยอมรับว่าตอนนี้มีความต้องการใช้เงินงบประมาณสูงมาก แต่วันนี้เรามีเงินไม่พอ มีจำกัด แต่มีรายการที่ต่อคิวใช้เงินเยอะ การจัดลำดับความต้องการใช้เงินกำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งต้องทำให้เร็วและดีที่สุด

สำหรับเรื่องการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทนั้น ยืนยันเหมือนเดิมว่า วันนี้ต้องรู้ก่อนว่าจะทำอะไร อยากทำอะไร และสิ่งที่อยากทำราคาเท่าไหร่ มีเงินอยู่เท่าไหร่ ถ้าขาด หรือไม่พอก็ต้องกู้ ส่วนจะกู้เท่าไหร่นั้น ก็ต้องรู้ก่อนว่ารัฐบาลจะทำอะไร ซึ่งหากพิจารณาภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลสามารถกู้ได้เหมือนกับตอนโควิด-19 แต่ต้องอยู่และเป็นไปภายใต้เงื่อนไขของความจำเป็น ฉุกเฉิน และเร่งด่วน

มองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจในขณะนี้อาจจะต้องไปพิจารณาโครงการลงทุนขนาดเล็กเป็นหลัก โดยต้องเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ จับต้องได้ และต้องรีบทำให้เร็วที่สุด โดยส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าโครงการลงทุนที่เป็นประโยชน์และมีขนาดใหญ่ จะดำเนินการได้ไม่เร็ว ต้องใช้เวลา 2-3 ปี ดังนั้นถ้าจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุน โครงการลงทุนที่มีรขนาดเล็ก ไม่ได้ใหญ่มากจึงอาจจะมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยทั้งหมดอยู่ระหว่างการพิจารณา

สำหรับการแจกเงินโครงการดิจิทัล วอลเล็ต เฟส 3 รัฐบาลได้กำหนดจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 2 ปี 68 (เม.ย.-มิ.ย. 68) โดยเป็นการจ่ายเงินแบบดิจิทัล ให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ประมาณ 2.7 ล้านคน คาดจะใช้เม็ดเงินไม่เกิน 2.7 หมื่นล้านบาท