ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก ทะลุ 300 ล้านคน หลังโอมิครอนทำหลายประเทศมีผู้ติดเชื้อสูงสุด

สำนักข่าว Reuters รายงานระบุว่า ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีอย่างน้อย 34 ประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีนรายสัปดาห์สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด นายน์ทีนขึ้น ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรปและแอฟริกา โดยในช่วง 7 วันที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น 13 ล้าน 5 แสนคน มากกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 64% อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้เสียชีวิต กลับลดลง 3%

จึงค่อนข้างที่จะแสดงให้เห็นว่าแม้เชื้อโอมิครอนจะสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยไม่รุนแรง โดยเมื่อวานนี้ กระทรวงสาธารณสุขของฝรั่งเศส ระบุว่าความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลต่ำกว่า 70%

อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า เนื่องจากทั่วโลกมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเฉลี่ยถึง 2 ล้านคน ทำให้ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขนาดนี้ อาจทำให้ระบบสาธารณสุขล่มได้

โดยในวันนี้ ออสเตรเลีย มีรายงานผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีนรายวันทะลุ 1 แสนคนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด นายน์ทีนขึ้น โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1 แสน 1 หมื่น 6 พัน 25 คน โดยอยู่ในรัฐวิกตอเรีย เพียงรัฐเดียวเกือบ 1 แสนคน และรัฐนิวเซาท์เวลส์ จนทำให้โรงพยาบาลของทั้งสองรัฐต้องระงับเคสผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วน ออกไปก่อน

ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็เพิ่มขึ้น 25 คนมากที่สุด ตั้งแต่ที่ออสเตรเลียเผชิญกับการแพร่ระบาดของเดลต้าสูงสุดในเดือนตุลาคม ปีที่ผ่านมา

ส่วนที่อินเดีย ล่าสุด ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 1 แสน 4 หมื่น 1 พัน 986 คน ในรอบ 7 เดือน หลังจากที่เชื้อกลายพันธุ์โอมิครอนได้แพร่ระบาดแซงหน้าเชื้อเดลต้าในหลายเมืองทั่วประเทศ ขณะที่ผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 285 คน

ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการควบคุม เนื่องจากหวั่นวิตกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันอาจพุ่งสูงขึ้นจนทำลายสถิติเดิม ที่มีมากกว่า 4 แสน 1 หมื่น 4 พันคน เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา หลังจากพิจารณาถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่มีผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 1 ล้านคน

ขณะที่เมืองหลวงกรุงนิวเดลี มีสภาพค่อนข้างเงียบเหงา หลังประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ยังคงอนุญาตให้การขนส่งสาธารณะและธุรกิจบริการที่จำเป็น เปิดทำการได้อยู่ในช่วงเคอร์ฟิว ขณะที่รัฐกรณาฏกะ (Karnataka) ทางตอนใต้ของประเทศ มีตำรวจออกมาคอยปฏิบัติหน้าตรวจเช็คบัตรประชาชนและตรวจสอบความเรียบร้อยให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการเคอร์ฟิว

ขณะเดียวกัน รายงานล่าสุดในประเทศแอฟริกาใต้ เริ่มแสดงให้เห็นถึงความหวังแล้วว่าการแพร่ระบาดของโอมิครอนกำลังจะสิ้นสุดลง หลังจากที่พบว่าผู้ติดเชื้อที่ป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีจำนวนลดลง

โดยแอฟริกาใต้ประเมินสถานการณ์จากข้อมูลของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองชเวน (Tshwane) จังหวัดกัวเต็ง พบว่าตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมีจำนวนเพียงแค่ 466 คนเท่านั้น จากก่อนหน้านี้ที่มีมากถึง 3,976 คน ขณะที่อัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 4.5% จาก 21.3% ในช่วงระยะการแพร่ระบาดก่อนหน้านี้

ขณะที่วารสารนานาชาติด้านโรคติดเชื้อเผยว่า ผู้ติดเชื้อโอมิครอนเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ยแค่ 4 วัน จากก่อนหน้านี้ผู้ป่วยโควิดสายพันธุ์อื่นเข้ารักษาตัว 8.8 วัน

นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วงที่โอมิครอนแพร่ระบาดสูงสุด จำนวนเตียงผู้ป่วยที่ใช้รองรับผู้ติดเชื้อโควิด นายน์ทีนลดลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง และผู้ป่วยที่ติดเชื้อโอมิครอน ร้อยละ 63 เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลจากสาเหตุอื่น และมาตรวจพบว่า ติดเชื้อโควิด ในภายหลัง