ต่างประเทศ
นักวิจารณ์การเมืองกัมพูชา ชี้เขมรแพ้สงครามข่าวสารให้ไทย เพราะรัฐคุมสื่อเบ็ดเสร็จ
7 ส.ค. 2568
2.9K views
เดอะ ดิพโพลแมต (The Diplomat) เว็บไซต์วิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศ ได้เผยแพร่บทความของ เจย์ โสพัลกัลยัน ซึ่งเป็นนักวิจารณ์และนักวิเคราะห์การเมืองชาวกัมพูชา ที่อยู่ในสหรัฐฯ ได้บอกว่า กัมพูชาพ่ายแพ้สงครามข้อมูลข่าวสารให้กับประเทศไทย เพราะสื่อในกัมพูชาถูกควบคุมเบ็ดเสร็จ ขาดความเป็นอิสระ
ในบทความชื่อว่า "ทำไมกัมพูชาจึงพ่ายแพ้ในสงครามข้อมูลข่าวสารกับไทย?" เขาระบุว่า ในความขัดแย้งล่าสุดบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ชาตินิยมได้แผ่ขยายสู่โลกไซเบอร์อีกครั้งในกัมพูชา โดยมีบุคคลสำคัญบนโซเชียลมีเดียได้ออกมาเคลื่อนไหว โดยต่างบอกว่า สื่อต่างประเทศได้นำเสนอภาพกรุงเทพฯ อย่างเห็นอกเห็นใจมากกว่า เพียงเพราะกรุงเทพฯ มีอำนาจมากกว่า มีการเชื่อมโยงที่ดีกว่า หรือได้รับความนิยมทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่า
อย่างเช่นกรณีของ สเรย์เนีย เนีย อินฟลูเอนเซอร์ด้านความงาม ของกัมพูชา ซึ่งตั้งคำถาม “เพียงเพราะประเทศไทยใหญ่กว่า และมีการรายงานข่าวจากสื่อมากกว่า กัมพูชาจึงกลายเป็นตัวร้ายในตอนนี้แล้วหรือ” แต่ เจย์ ระบุว่า นั่นมีสาเหตุมาจากข้อเท็จจริงที่ใกล้ตัว นั่นก็คือกัมพูชาไม่มีเสรีภาพสื่อ ต่างหาก
เขาบอกว่า กรุงเทพฯแตกต่างจากพนมเปญอย่างชัดเจน กรุงเทพฯเป็นที่ตั้งของสำนักงานระดับภูมิภาคของสื่อต่างชาติ และเป็นที่ประจำการของเหล่าผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวต่างประเทศรายใหญ่ เช่น รอยเตอร์ส บีบีซี เอพี อัลจาซีรา ไฟแนนเชียลไทมส์ เอ็นบีซี และอื่น ๆ ซึ่งหลายแห่งเชื่อมโยงกับ สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางกรุงเทพฯ
ในทางตรงกันข้าม ในกัมพูชาสิ่งเหล่านี้ไม่มีเลย แม้ว่ากัมพูชาจะมีการเลือกตั้งเป็นระยะ ๆ แต่ปัจจุบันประเทศนี้กลับถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็น รัฐพรรคเดียวที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จ ภายใต้การควบคุมของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) ของรัฐบาล
ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาได้กวาดล้างสื่ออิสระอย่างเป็นระบบ จนนำไปสู่การปิดตัวของสถานีโทรทัศน์เสียงประชาธิปไตย (VOD) ในปี พ.ศ.2566 ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักข่าวใหญ่แห่งสุดท้ายที่กล้าท้าทายทางการ
ขณะที่ เรดิโอฟรีเอเชีย (RFA) ก็ได้ปิดสำนักงานในกรุงพนมเปญ ในปี 2560 โดยอ้างถึงการข่มขู่คุกคามของรัฐบาลในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และในปีเดียวกันนั้น ทางการได้ปิดสถานีวิทยุท้องถิ่นมากกว่า 20 แห่ง หลังจากที่หลายสถานีได้นำรายการของ RFA มาออกอากาศซ้ำ
ส่วนหนังสือพิมพ์ กัมพูชา เดลี ซึ่งเป็นสื่อภาษาอังกฤษที่ทำหน้าที่รายงานข่าวเชิงสืบสวนสอบสวนมายาวนาน ก็ถูกบังคับให้ปิดตัวลงเช่นกัน หลังจากถูกเรียกเก็บภาษีสุดโหดอย่างกะทันหัน และในปีต่อมา หนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ ก็ถูกขายภายใต้แรงกดดันให้กับนักลงทุนที่เอื้อประโยชน์ต่อรัฐบาล และเมื่อถึงการเลือกตั้งปี 2561 ซึ่งพรรครัฐบาลชนะการเลือกตั้งทั้ง 125 ที่นั่งในรัฐสภา สื่ออิสระของประเทศก็แทบจะสูญพันธุ์ไป
นอกจากนั้น นักข่าวที่ยังทำงานเปิดโปงความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการยึดที่ดิน การทุจริต หรือการละเมิดทางการเมือง มักจะเผชิญกับการถูกสอดแนม คุกคาม ถูกเนรเทศ หรือถูกจำคุก
เขาบอกว่า หากใครสงสัยว่าทำไมจึงมีการรายงานข่าวจากภายในกัมพูชาน้อยมาก ในช่วงสงครามกับไทย เช่น "ทำไมดูเหมือนไม่มีสื่อหลักใดรายงานข่าวจากฝั่งของเรา" สิ่งเหล่านี้คือเหตุผล
เขาทิ้งท้ายว่า "กัมพูชาจะไม่สามารถชนะสงครามประชาสัมพันธ์ในยุคข้อมูลข่าวสารได้ หาก (รัฐบาล) มอบบทพูดที่เหมือนกันให้กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ โดยไม่ผ่านการตรวจสอบจากบุคคลที่สามหรือสื่ออิสระ เราไม่สามารถขอให้โลกรับฟังเรา ในขณะที่รัฐบาลของเราปิดปากทุกเสียงที่กล้าพูดอย่างอิสระ ดังนั้นสงครามครั้งนี้จึงควรเป็นสัญญาณเตือนผู้นำกัมพูชา ให้ตระหนักถึงหน้าที่ในการบอกเล่าความจริงของสื่ออิสระ การปิดปากเสียงเหล่านี้เท่ากับเป็นการสูญสิ้นความน่าเชื่อถือที่จำเป็นต่อการเชื่อเรื่องราวในมุมมองของตน"
แท็กที่เกี่ยวข้อง ไทยกัมพูชา ,นักวิจารณ์การเมืองกัมพูชา ,สงครามข่าวสาร