ต่างประเทศ

รอยเตอร์สรายงาน ฮุนเซน คือ “นักรบกองโจร” อยู่เบื้องหลังความขัดแย้ง ชายแดนไทย-กัมพูชา

1 ส.ค. 2568

2.1K views

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานพิเศษเกี่ยวกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า เมื่อความตึงเครียดหลายสัปดาห์ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นความขัดแย้งชายแดนครั้งใหญ่กับไทยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุนเซน ดูเหมือนจะเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง


รอยเตอร์ส ระบุว่า ฮุนเซ็น คือ "อดีตนักรบกองโจร" ซึ่งเขาได้ส่งต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้กับบุตรชายคนโตในปี พ.ศ. 2566 หลังจากครองอำนาจมาเกือบสี่ทศวรรษ และได้เข้ารับตำแหน่งประธานวุฒิสภาของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


กระนั้น ฮุนเซนมีบทบาทสำคัญในเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสู้รบที่นองเลือดที่สุดระหว่างไทยและกัมพูชาในรอบกว่าทศวรรษ และจากแหล่งข่าวทางการทูตสามแห่ง แสดงให้เห็นว่าเขายังคงมีอิทธิพลอย่างต่อเนื่องตลอดความขัดแย้งที่กินเวลานานห้าวัน


รอยเตอร์สระบุชัดด้วยว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปืนใหญ่ที่ยิงมาจากกัมพูชาได้ตกในพื้นที่พลเรือนในจังหวัดชายแดนของไทย   และนับจากนั้น กองทัพไทยได้เล็งเป้าไปที่เขาโดยตรง  โดยภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังการปะทะปะทุขึ้น ฮุน เซน วัย 72 ปี ได้แชร์โพสต์ต่างๆ บนเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่เขาชื่นชอบ เพื่อระดมพลและวิพากษ์วิจารณ์ประเทศไทย


นักการทูตประจำกัมพูชาคนหนึ่งกล่าวกับรอยเตอร์ส "เกี่ยวกับเหตุปะทะบริเวณชายแดน สิ่งที่ผมรู้สึกสะเทือนใจคือขอบเขตที่เขาใช้สร้างภาพลักษณ์ของการเป็นผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการสวมเครื่องแบบ การถูกมองว่าเป็นผู้สั่งการกองกำลัง และการแทรกแซงผ่านเฟซบุ๊ก"    


ทางด้าน ลิม เมงกูร์ เจ้าหน้าที่รัฐบาลกัมพูชาที่ทำงานด้านนโยบายต่างประเทศ กล่าวว่า ฮุนเซนทำหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองกำลังหลักด้านการส่งกำลังบำรุงให้กับทหารในแนวหน้า และว่า "เขาเฝ้าติดตามและสังเกตการณ์สถานการณ์อยู่ตลอดเวลา"  


ทางด้าน ไช โสภาล นักเขียนหนังสือเกี่ยวกับฮุนเซนและครอบครัว ซึ่งประจำการอยู่ที่กรุงพนมเปญ กล่าวว่า อดีตนายกรัฐมนตรีสามารถกำกับดูแลรัฐบาลในฐานะประธานพรรคประชาชนกัมพูชา (COP) ที่กำลังครองอำนาจอยู่ได้ “ดังนั้น นายกรัฐมนตรีต้องเคารพและปฏิบัติตามนโยบายของพรรคและประธานพรรค” เขากล่าว


รอยเตอร์ส รายงานด้วยว่า  ฮุนเซนเป็นผู้รอดชีวิตอย่างชาญฉลาดจากการเมืองกัมพูชาและความวุ่นวายที่แผ่ขยายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เขาเกิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดที่ถูกทิ้งระเบิดอย่างหนักในช่วงสงครามลับของสหรัฐฯ ในกัมพูชาและลาว เขากลายเป็นทหารของเขมรแดง ซึ่งระบอบการปกครองอันโหดเหี้ยมของเขมรแดงในช่วงปี พ.ศ. 2518 ถึง พ.ศ. 2522 ได้สังหารประชากรไปประมาณหนึ่งในสี่ ของประชาการทั้งหมดของประเทศ หรือเสียชีวิตไปกว่า 2 ล้านคน


แต่เขากลับ แปรพักตร์ไปเวียดนามในปี พ.ศ. 2520 และเมื่อเขมรแดงโค่นล้มเขมรแดงได้ ฮุนเซนจึงกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี


ผู้นำที่สถาปนาตนเองว่าแข็งแกร่งผู้นี้นำพาเศรษฐกิจกัมพูชาเฟื่องฟู โดยรายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นเกือบสี่เท่าจาก 240 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงทศวรรษระหว่างปี 1993 ถึง 2013 แต่ความมั่งคั่งที่เพิ่งค้นพบส่วนใหญ่กลับกระจุกตัวอยู่ในมือของชนชั้นนำผู้ปกครองประเทศ แม้ว่าคู่แข่งทางการเมืองจะถูกจำคุกหรือเนรเทศ สื่อวิพากษ์วิจารณ์ถูกปิด และความขัดแย้งทางแพ่งถูกบดขยี้ ปูทางให้ฮุน มาเนต์ เข้ารับตำแหน่ง


ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แม้แต่การตัดสินใจด้านนโยบายการบริหารภายในประเทศก็ถูกนำเสนอต่อฮุน เซนเพื่อขออนุมัติ  และใน ปัจจุบัน ความขัดแย้งบริเวณชายแดนทำให้อิทธิพลของเขาชัดเจนยิ่งขึ้น และมีกระแสสนับสนุนรัฐบาลอย่างล้นหลามบนโซเชียลมีเดีย ท่ามกลางกระแสชาตินิยม

นักการทูตอีกคนหนึ่งประจำกัมพูชากล่าว ว่า "ไม่มีใครแปลกใจเลยที่เขาขึ้นเป็นผู้นำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทุกคนรู้ว่าเขาเป็นผู้มีอำนาจ" “หากเป้าหมายคือการเสริมสร้างชาตินิยม เขาก็ประสบความสำเร็จแล้ว”


https://youtu.be/I-j1yCPnf4c

คุณอาจสนใจ

Related News