ต่างประเทศ
“ฮุนเซ็น” หนุนกองทัพเสริม “กำลัง-อาวุธหนัก” ตรึงแนวชายแดนไทย
โดย petchpawee_k
29 พ.ค. 2568
173 views
“ฮุนเซ็น” หนุนกองทัพเสริม “กำลัง-อาวุธหนัก” ตรึงแนวชายแดนไทย ด้าน รอยเตอร์สรายงานผู้มีอิทธิพลของไทย-กัมพูชาสนิทกัน มีลูกเป็นนายกฯทั้งคู่
สมเด็จฮุนเซ็น อดีตผู้นำกัมพูชา และผู้เป็นบิดาของนายกรัฐมนตรี ฮุนมาเน็ต ผู้นำกัมพูชาคนปัจจุบัน ได้โพสต์ข้อความหลังเกิดเหตุการปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชาและไทย ที่บริเวณพื้นที่ชายแดน "ช่องบก" จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ กล่าวสนับสนุนให้กองทัพกัมพูชา ระดมกองกำลังบริเวณชายแดนไทย
นาย ฮุนเซ็น ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คว่า "ผมไม่อยากเห็นการสู้รบเกิดขึ้น แต่ผมสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในการส่งทหาร และอาวุธหนักไปที่ชายแดนเพื่อเตรียมการตอบโต้ในกรณีที่มีการรุกรานอีกครั้ง"
นอกจากนั้นยังระบุด้วยว่า "ผมหวังว่าการเจรจาที่จะทำในวันพรุ่งนี้ระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศจะประสบผลสำเร็จ ผมหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดข้ามชายแดนระหว่างสองประเทศจนถึงขั้นที่ความร่วมมือในพื้นที่อื่นถูกปิดกั้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ ผมขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติ โปรดอย่าทำให้ความขัดแย้งนี้บานปลายจนกลายเป็นเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และโปรดเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ เราเกลียดสงคราม แต่เรายืนกรานที่จะทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2551 ถึง 2554 โดยใช้ลูกศร 3 ดอก คือ ทหาร การทูต และกฎหมาย"
นอกจากนั้น ฮุนเซ็นยังแสดงความเสียใจ กับครอบครัวของทหารกัมพูชา พรินบัล เอก สุนรุน (Prinbal Ek Soun Roun) ที่เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าว โดยฮุนเซ็นกล่าวว่า "ก่อนอื่น ผมขอแสดงความเสียใจและแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนาย พรินบัล เอก สุนรุน จากการโจมตีของกองทัพที่รุกรานพรมแดน สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนา ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้น ผมขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่ตัดสินใจก่อการรุกรานเช่นนี้ ซึ่งคล้ายกับการรุกรานปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ถึง 2554"
ขณะที่หลายสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด อย่างเช่นสำนักข่าวรอยเตอร์ส ซึ่งรายงานอ้างกระทรวงกลาโหมกัมพูชาเปิดเผยว่าทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย หลังการยิงปะทะกับทหารไทย ซึ่งทั้งสองประเทศระบุเพิ่มเติมว่าทหารของกัมพูชาได้ถอนกำลังออกไปแล้ว และจะใช้การทูตเพื่อจัดการกับปัญหานี้
รอยเตอร์สระบุว่า การปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างกัมพูชาและไทยเกิดขึ้นครั้งล่าสุดในปี 2554 บริเวณปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นปราสาทโบราณที่เป็นศูนย์กลางของข้อพิพาทเรื่องพรมแดนที่ไม่มีการกำหนดเขตแดนระหว่างกัมพูชาและไทยมานานหลายทศวรรษ
รอยเตอร์ส ย้ำด้วยว่า แม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนาน แต่รัฐบาลของทั้งสองประเทศก็มีความสัมพันธ์ที่ดี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างอดีตผู้นำที่มีอิทธิพลของทั้งสองประเทศ คือ นาย ทักษิณ ชินวัตร ของไทย และ นาย ฮุน เซน ของกัมพูชา ซึ่งต่างก็มีมีลูกสาวและลูกชายเป็นนายกรัฐมนตรีเหมือนกัน
ขณะเดียวกัน "เรดิโอ ฟรี เอเชีย" ของสหรัฐ ก็รายงานถึงสถานการณ์นี้ โดยได้ระบุว่า แถลงการณ์จากฝ่ายไทย ระบุว่า ทหารกัมพูชาได้ล้ำเข้าไปในพื้นที่พิพาทชายแดน และทหารกัมพูชาได้เป็นฝ่ายเข้าไปเจรจาและยุติการสู้รบ แต่ทหารกัมพูชากลับเปิดฉากยิง ทำให้ทหารไทยต้องยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตัว
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน โฆษกกองทัพกัมพูชา นาย เหมา พัลลา กล่าวว่า ทหารไทยได้เปิดฉากยิงในขณะที่ทหารกัมพูชาอยู่ระหว่างการลาดตระเวนตามปกติตามแนวชายแดน หลังจากการปะทะกันเป็นเวลา 10 นาที ผู้บัญชาการทหารในภูมิภาคของทั้งสองประเทศได้โทรศัพท์หารือกันเพื่อสั่งหยุดยิง
ขณะที่ทางด้าน “ไชน่า เดลี” และ “ซินหัว” ของจีนซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับกัมพูชาได้รายงานว่า กองทัพกัมพูชาได้ปะทะกับทหารไทยเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อช่วงเช้าวันพุธที่บริเวณชายแดนที่เป็นข้อพิพาท
รายงานได้อ้าง นาย เหมา พัลลา โฆษกกองทัพกัมพูชาที่ให้ช้อมูลกับซินหัวทางโทรศัพท์ ที่ระบุว่า“มีการปะทะด้วยอาวุธระหว่างทหารกัมพูชาและไทยเป็นเวลาประมาณ 10 นาทีที่บริเวณชายแดน แต่ยังไม่ทราบว่าใครเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน”
นายพัลลา กล่าวว่าแรงจูงใจในการปะทะยังไม่ทราบ และยังไม่มีข้อมูลทันทีเกี่ยวกับจำนวนผู้เสียชีวิต และว่าสถานการณ์สงบลงแล้ว หลังจากที่ผู้บัญชาการในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันและสั่งหยุดยิง