คะแนนนิยม 'ทรัมป์' ร่วง ต่ำสุดตั้งแต่รับตำแหน่ง ทรัมป์ยังลั่นภาษีจะทำให้สหรัฐฯเฟื่องฟู

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ลดลง 2% จากในเดือนมีนาคม ร่วงลงเหลือ 43% ในโพลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของรอยเตอร์ส/อิปซอส ที่จัดทำระหว่างวันที่ 31 มีนาคม - 2 เมษายน ถือเป็นคะแนนนิยมต่ำที่สุดนับตั้งแต่ที่ทรัมป์กลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการจัดการเศรษฐกิจของทรัมป์


คะแนนนิยมล่าสุดของทรัมป์ที่ 43% ถือว่าต่ำกว่าคะแนนนิยมของเขาเมื่อกลับเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคม ที่ขณะนั้นเขามีคะแนนนิยมอยู่ที่ 47% ผู้ตอบแบบสอบถามเพียง 37% เห็นด้วยกับบริหารเศรษฐกิจของทรัมป์ และมีเพียง 30% เท่านั้นที่เห็นด้วยกับการทำงานของทรัมป์ในการแก้ปัญหาค่าครองชีพสูง


ขณะที่ผู้ตอบแบบสอบถาม 52% เห็นด้วยกับข้อความที่ว่าการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อผู้คน และประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ที่ตอบแบบสอบถามมีความเห็นว่าการขึ้นภาษีศุลกากรจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี โดยชาวอเมริกันประมาณ 1 ใน 3 ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่สนับสนุนพรรครีพับลิกันของทรัมป์ ไม่เห็นด้วยกับข้อความที่ว่าภาษีจะเป็นผลเสีย


ขณะเดียวกัน ล่าสุด ทรัมป์ ได้กล่าวต่อสาธารณชนครั้งแรกหลังการประกาศขึ้นภาษีตอบโต้คู่ค้าทั่วโลก โดยทรัมป์ลั่นว่า การขึ้นภาษีศุลกากรจะทำให้สหรัฐฯเฟื่องฟู โดยกล่าวว่า "ผมคิดว่ามันกำลังไปได้สวย มันเป็นการผ่าตัดเหมือนกับตอนที่คนไข้เข้ารับการผ่าตัด และมันเป็นเรื่องใหญ่" และว่า "ตลาดจะเฟื่องฟู หุ้นจะเฟื่องฟู ประเทศจะเฟื่องฟู และส่วนอื่น ๆ ของโลกต้องการดูว่ามีทางใดที่จะบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่"


ทั้งนี้ ภาษีศุลกากรซึ่งคุกคามที่จะทำลายเสถียรภาพของระเบียบการค้าโลกและธุรกิจต่าง ๆ และยังทำให้อัตราภาษีของสหรัฐฯ พุ่งสูงที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ ตามการจัดอันดับของ ฟิตช์ เรตติ้งส์