ต่างประเทศ
นักการเมืองฝรั่งเศสลงมติไม่ไว้วางใจ ล้มรัฐบาลครั้งแรกในรอบ 62 ปี
โดย nattachat_c
6 ธ.ค. 2567
101 views
นักการเมืองทั้งฝ่ายซ้าย และขวาจัด ของฝรั่งเศส ร่วมกันลงมติไว้ไว้วางใจในวันพุธ ซึ่งมีผลให้ นายกรัฐมนตรี มิเชล บาร์นิเยร์ และคณะรัฐมนตรี ต้องลาออกทั้งคณะ เป็นครั้งแรกในรอบ 62 ปี โดยลงมติไม่ไว้วางใจ 331 เสียง ซึ่งมากกว่าจำนวนขั้นต่ำ 288 เสียง
อย่างไรก็ตาม ทางด้าน ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง ยืนยันว่า ตนจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนหมดวาระในปี 2027 กระนั้น มาครง จำเป็นต้องแต่งตั้งนายกฯ คนใหม่เป็นครั้งที่สอง หลังจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมได้ทำให้เกิดการแบ่งขั้วอย่างมากในรัฐสภา
เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรี บาร์นิเยร์ กล่าวปราศรัยครั้งสุดท้ายในฐานะนายกฯ ว่า เขารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่นี้ และว่า "การลงมติไม่ไว้วางใจนั้น จะยิ่งทำให้ทุกอย่างตึงเครียดมากขึ้น"
การลงมติไว้ไว้วางใจในรัฐบาลฝรั่งเศสครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ บาร์นิเยร์ เสนอร่างงบประมาณชุดใหม่ที่ถูกต่อต้านอย่างรุนแรง พรรคฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคฝ่ายขวาจัด และซ้ายจัด ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี บาร์นิเยร์ เมื่อวันจันทร์ โดยกล่าวหาว่าเขาพยายามนำมาตรการรัดเข็มขัดมาใช้ และไม่ปฏิบัติตามความต้องการของประชาชน
พรรคร่วมรัฐบาลของ นายกรัฐมนตรี บาร์นิเยร์ ถือเป็นรัฐบาลฝรั่งเศสชุดแรกในรอบ 62 ปี ที่พ้นจากบทบาทหน้าที่ด้วยการมติไม่ไว้วางใจนับตั้งแต่ปี 1962 อีกทั้งจะทำให้เกิดผลกระทบใหญ่กับยุโรป ในระหว่างที่เยอรมนีอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง และฝั่งสหรัฐฯ จะมีการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่ทำเนียบขาว ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ปัจจุบัน ฝรั่งเศสตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสหภาพยุโรป ให้ลดหนี้ภาครัฐลง หลังจากมีการคาดการณ์ว่า ระดับหนี้ของรัฐบาลจะสูงขึ้นแตะระดับ 6% ของมูลค่าจีดีพีของฝรั่งเศสในปีนี้ และเพิ่มเป็น 7% ในปีหน้า หากการเมืองยังคงไร้เสถียรภาพ และยังมีแนวโน้มที่อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมของฝรั่งเศสก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้ปัญหาการเงินของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของสหภาพยุโรปนี้ยิ่งรุนแรงขึ้น