ผลเลือกตั้งรัฐสภายุโรป ชาตินิยมขวาพุ่งตามคาด แต่สายกลางยังครองเสียงข้างมาก

'กลุ่มพรรคการเมืองปีกขวายุโรป' ประสบความสำเร็จสามารถชนะเลือกตั้ง ได้ที่นั่งเพิ่มในรัฐสภายุโรปตามความคาดหมาย แต่ทว่า...ฝ่ายการเมืองสายกลางยังคงสามารถครองเสียงข้างมากในสภา 720 ที่นั่งได้ต่อไป สร้างความโล่งใจไปทั่ว หลังประธานรัฐสภายุโรปคนปัจจุบัน คือ อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ชี้ ชัยชนะของพรรคประชาชนยุโรป (EPP) หมายถึงสมอเรือแห่งเสถียรภาพ

การเลือกตั้งรัฐสภายุโรป หลังจากโหวตไป 3 วัน ทั่ว 27 ชาติสมาชิก ที่จบลงด้วยผลเอ็กซิตโพล แสดงให้เห็นว่าพรรคการเมืองปีกขวายุโรปชนะไป 150 ที่นั่ง จากทั้งหมด 720 นั่ง ที่จะสร้างความยากลำบากให้กับฝ่ายการเมืองสายกลางในการจัดตั้งเสียงส่วนใหญ่เพื่อผ่านร่างกฎหมายใด ๆ

ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์โหวตจำนวนกว่า 400 ล้านคน แต่มีผู้มาออกเสียงจำนวน 51% ขณะที่ การเลือกตั้งในปี 2019 มีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวน 50.66%

ทางด้าน อัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า พรรคประชาชนยุโรป (EPP)  ของเธอ คาดว่าน่าจะสามารถได้ที่นั่งส่วนใหญ่ ที่หมายความไปถึงสมอเรือแห่งเสถียรภาพได้ แต่อย่างไรก็ตาม ประธานอียูยังออกมาเรียกร้องให้พันธมิตรทางการเมืองของเธอ ช่วยป้องกันต่อบรรดาพรรคสุดโต่งทั้งหลาย

ในการแถลงที่กรุงบรัสเซลส์ เธอระบุว่า การเมืองสายกลางยังคงสามารถครองอยู่แต่เป็นความจริงที่ว่าฝ่ายสุดโต่งทั้งปีกซ้าย และปีกขวา ได้รับการสนับสนุนเพิ่ม และนี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมผลจึงมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับพรรคการเมืองสายกลาง

นอกจากนั้น ผลเลือกตั้งที่พรรคการเมืองชาตินิยมขวาจัดประสบความสำเร็จในฝรั่งเศสที่ส่งผลทำให้ประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ต้องประกาศการเลือกตั้งล่วงหน้า ที่การเลือกตั้งรอบแรกจะเกิดขึ้นในวันที่ 30 มิ.ย นี้ทันที

ขณะที่ อิตาลี และเยอรมนี ปรากฏว่า ฝ่ายการเมืองปีกขวาก็ชนะการเลือกตั้ง ทำให้เกิดแรงกดดันมาตกที่ นายกรัฐมนตรี โอลาฟ ชอลซ์ ซึ่งปัจจุบันนี้ รัฐบาลเบอร์ลินของเขา กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจเยอรมัน ปัญหางบประมาณ และยังรวมไปถึงความวิตกที่พรรคการเมืองชาตินิยมขวาจัด ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากในประเทศ

------------------