ต่างประเทศ

สส.สหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายจ่อแบน 'Tik Tok' ด้านจีนโต้ เป็นการบูลลี่ กรรมจะตามสนองสหรัฐฯเอง

โดย petchpawee_k

14 มี.ค. 2567

150 views

เมื่อวานนี้ สภาผู้แทนราษฎรษ์สหรัฐฯได้ผ่านมติท่วมท้น ผ่านร่างกฎหมายที่อาจทำให้ติ๊กต็อก เครือข่ายสังคมออนไลน์ยอดนิยมของโลก ถูกแบนทั่วประเทศแล้ว โดย สส.จากทั้งฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันลงมติท่วมท้น 352 ต่อ 65 เสียง ผ่านร่างกฎหมายใหม่ดังกล่าว ซึ่งจะบีบให้ ‘ไบต์แดนซ์’ (ByteDance) ของจีน ต้องขายหุ้นของติ๊กต็อกในสหรัฐฯทั้งหมดภายในระยะเวลา 6 เดือน มิเช่นนั้น แอปพลิเคชั่นเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งมีชาวอเมริกันใช้งานถึง 170 คนนี้ จะถูกถอดออกจาก แอปสโตร์ ทั้งหมดในสหรัฐ


ทั้งนี้ การขายหุ้นทั้งหมดนั้น ไบต์แดนซ์จำเป็นต้องขอความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนเพื่อขายหุ้นของติ๊กต็อกทั้งหมด และถึงแม้ว่าจะได้รับอนุญาตก็ยังไม่แน่ชัดว่าคู่แข่งของติ๊กต็อก รายใดจะสามารถระดมทุนเพื่อซื้อแพลตฟอร์มนี้ได้ เพราะไบต์แดนซ์เคยประเมินว่าแอปพลิเคชั่นนี้มูลค่าสูงถึง 2.68 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ


ที่ผ่านมา สหรัฐแสดงความกังวลมาอย่างยาวนานเรื่องอิทธิพลของรัฐบาลจีนที่มีต่อติ๊กต็อก เนื่องจากบริษัทแม่อย่าง ไบต์แดนซ์ มีสำนักงานในกรุงปักกิ่ง และต้องอยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งกำหนดให้บริษัทต่างๆ แบ่งปันข้อมูลกับเจ้าหน้าที่จีน


ในขั้นต่อไป ร่างกฎหมายฉบับนี้ยังจำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ก่อนจะส่งไปยังประธานาธิบดีเพื่อลงนามบังคับใช้ โดย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ พูดไว้แล้วว่า เขาจะลงนามบังคับใช้กฎหมายนี้หากมันผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส


ขณะเดียวกัน ในวันเดียวกันนั้น ที่บริเวณด้านนอกอาคารรัฐสภาก็มีผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันที่หน้าทำเนียบขาวสหรัฐฯ เพื่อประท้วงร่างกฎหมายแบนติ๊กต็อกด้งกล่าว โดยผู้ประท้วงหลายคนระบุว่า ติ๊กต็อก  สำคัญกับงาน และธุรกิจของพวกกเขามาก


ขณะเดียวกัน ทางด้าน นาย หวัง เหวินปน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้ออกโรงแถลงถึงกรณีกฎหมายดังกล่าวระบุว่า สหรัฐจะต้องเจอกับผลกระทบกับตัวเองจากการผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ และชี้ว่ากฎหมายดังกล่าวนั้นคือการ "บูลลี่" จีนอย่างแท้จริง


นาย เหวินปิน กลาวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าสหรัฐจะไม่เคยพบหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติของ  แต่สหรัฐก็ยังไม่เคยหยุดการปราบปรามติ๊กต็อก เป็นพฤติกรรม ที่ใช้เพื่อการกลั่นแกล้ง  ขัดขวางการดำเนินธุรกิจ เป็นพฤติกรรมที่ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ และบ่อนทำลายระเบียบเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ  ในท้ายที่สุด แล้วสิ่งนี้จะต้องกลับมากัดกร่อนสหรัฐเอง"  

คุณอาจสนใจ

Related News