'IMF' ชี้เศรษฐกิจโลกปีหน้าเผาจริง ปรับลดอัตราการเติบโตลง ด้านเศรษฐกิจไทยสวนทางโต 3.7%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกรายงานภาพรวมเศรษฐกิจฉบับปรับปรุงเดือนตุลาคม หรือ เวิลด์ อิโคโนมิค เอาท์ลุค (World Economic Out look)  หั่นอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีหน้า 2023 มาอยู่ที่ 2.7% จากเดิมในปีนี้ที่ 3.2%  โดยลดลงจากการคาดการณ์เดิมในรายงานฉบับก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎาคมที่ -0.2%

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า เศรษฐกิจโลกกำลังเจอกับความวุ่ยวายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นมากที่สุดในรอบหลายสิบปี รวมไปถึงที่หลายภูมิภาคใช้มาตรการทางการเงินที่รัดกุมขึ้น ขณะที่วิกฤตการณ์ยูเครน-รัสเซียยังร้อนแรงต่อเนื่อง รวมไปถึงปํญหาการระบาดของโควิด ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อโลกอยู่

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า ในปีหน้า จะมีเขตเศรษฐกิจต่างๆ รวมถึง 43% ของโลกที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค ซึ่งก็คือมีอัตราการเติบโตติดลบติดต่อกัน 2 ไตรมาส ซึ่งรวมแล้วจะคิดเป็น 1 ใน 3 ของจีดีพีโลกทีเดียว

ปิแอร์ โอลิวิเย่ร์ กุนชาส์ หัวหน้าคณะนักวิจัยของไอเอ็มเอฟ กล่าว่า เศรษฐกิจโลกจะเจอกับปัญหา 3 ประการหลัก ได้แก่

• การรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย
• วิกฤตค่าครองชีพที่เกิดจากแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ
• การชะตัวของเศรษฐกิจจีน
  

โดยในสหรัฐฯนั้น การใช้มาตรการทางการเงินที่เข้มงวดเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ จะทำให้อัตราการเติบโตในปีหน้า จะลดลงมาอยู่ที่ 1.0% เท่านั้น ขณะที่ในปีนี้จะเติบโตที 1.6 %

ส่วนจีนในปีหน้า จะเติบโตได้ที่ 4.4% จากเดิมในปีนี้ที่คาดว่าจะโตได้ที่ 3.2%

ขณะที่ญี่ปุ่น ปีหน้าจะเติบโต้ได้ท่ 1.7% จากเดิมในปีนี้ 2022 ที่ 1.6%

กลุ่มยูโรโซน ในปีหน้า เศรษฐกิจจะเติบโตได้ที่  0.5% เท่านั้น ลดลงจากเดิมในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะโตได้ที่ 3.1%

อัตราเงินเฟ้อโลกนั้นจะเพิ่มจาก 4.7% ในปี 2021 มาอยู่ที่ 8.8% ในปีนี้ แต่ในปีหน้าจะค่อยๆ ชะลอตัวลงมาอยูที่ 6.5% และ เหลือ 4.1% ในปี 2024

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของประเทศไทยนั้น ไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่า การเติบโตของจีดีพีในปีหน้าจะดีขึ้น โดยในปีหน้าไทยจะเติบโตได้ที่ 3.7% เมื่อเทียบกับปี 2022 ซึ่งจะอยู่ที่ 2.8% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของไทยในปีนี้จะอยู่ที่ 6.3% และในปีหน้าจะลดลงมาอยู่ที่ 2.8%