ดาวโจนส์ร่วงหนักกว่า 1,000 จุด หลังเอกชนเผยตัวเลขประกอบการทรุด จากพิษเงินเฟ้ออย่างหนัก

ปัญหาเงินเฟ้อเริ่มส่งผลอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นในสหรัฐฯ และทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงอย่างรุนแรง โดย

• ดัชนีอุตสาหกรมดาวโจนส์ ได้ร่วงลงไปถึง 1,164.52 จุด หรือ -3.57% ลงไปอยู่ที่ 31,460.07 จุด   
• แนสแดก ร่วงลงไป 566.37 จุด หรือ -4.73% ปิดที่ 11,418.15 จุด 
• เอสแอนด์พี -500 ปรับลดลง 165.17 จุด หรือ -4.04% ปิดที่ 3,923.68 จุด  
  
  

โดยปัจจัยลบที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงอย่งหนักนั้น เป็นผลมาจากผู้ประกอบการของสหรัฐฯหลายบริษัทเริ่มประกาศผลประกอบการณ์ประจำไตรมาสแรกของปี พบว่า ปัญหาเงินฟ้อได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของหลายบริษัทอย่างชัดเจน

อย่างเช่น บริษัททาร์เก็ต ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯก็มีรายได้ลดลง โดยทางบริษัทบอกว่า ส่วนสำคัญนั้นเป็นผลมาจากราคาค่าขนส่งที่พุ่งสูงขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ บริษัทจะต้องเจอกับค่าขนส่งสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯอยู่ที่ 8.3%

นอกจากนั้น ก็ยังมี วอลมาร์ท บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ก็มีผลประกอบการณ์ลดลงเช่นกัน และบริษัทยังประกาศลดการคาดการณ์ผลประกอบการณ์ปีนี้ลงด้วย โดยระบุว่า บริษัทกำลังประสบกับปัญหา ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายด้านราคาอาหารสูงขึ้น และค่าแรงที่พุ่งสูงขึ้นด้วย

ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต้องการให้ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราเร่งที่มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ โดยเมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับขึ้นดอกเบี้ยไป 0.5% ทำให้ดอกเบี้ยขึ้นไปอยู่ที่ 0.75-1.0% โดยนักลงทุนต้องการให้มีการขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ 0.75% ทีเดียว