ต่างประเทศ
'ทรัมป์' ลุ้นครองอำนาจเบ็ดเสร็จ กวาดเสียงข้างมาก 2 สภา ชาวอเมริกันบางส่วน เผยสิ้นหวัง คิดย้ายประเทศ
โดย panwilai_c
9 พ.ย. 2567
55 views
หลังจากที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี ได้กลับมาทำเนียบขาวอีกครั้ง และพรรครีพับลิกันยังครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาตอนนี้ ยังได้ลุ้นอีกว่า จะได้ครองเสียงข้างมากในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ ล่าสุดขาดอีกเพียง 6 ที่นั่ง ก็จะได้ครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาล่างแล้ว
เลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พรรครีพับลิกันภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ นับว่า ประสบความสำเร็จ เพราะทรัมป์กำลังจะกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีก 1 สมัย
โดยขณะนี้กวาดคะแนนคณะผู้เลือกตั้งไปแล้ว 301 เสียง โดยทรัมป์เข้าเส้นชัยตัวเลข 270 เมจิก นัมเบอร์ ตั้งแต่วันแรกของคืนวันเลือกตั้ง ขณะที่คะแนนคณะผู้เลือกตั้งของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมเครต อยู่ที่ 226 เสียง
ในส่วนของสภาคองเกรส เลือกตั้งวุฒิสภาก็ได้เสียงข้างมากแล้วเช่นกัน รีพับลิกันได้ไป 53 จากทั้งหมด 100 ที่นั่ง ขณะที่พรรคเดโมแครตได้ไป 45 ที่นั่ง
ตอนนี้รอลุ้นผลเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร 435 ที่นั่ง ซึ่งรีพับลิกันได้ไป 212 เดโมแครตได้ไป 200 ที่นั่ง ขาดอีกเพียง 6 ที่นั่ง รีพับลิกันก็จะได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง
นั่นหมายความว่า รีพับลิกันภายใต้การนำของทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ จะครองอำนาจเบ็ดเสร็จ ที่สำคัญจะเอื้อประโยชน์ต่อรีพับลิกันในการออกกฏหมายต่างๆให้เป็นไปตามนโยบายที่ทรัมป์ให้คำมั่นไว้ ไม่ว่าจะเป็นแก้ปัญหาเงินเฟ้อ เรื่องภาษี ผู้อพยพ การยกเลิกกฎระเบียบด้านพลังงาน และอีกหลากหลายนโยบายรวมถึงนโยบายต่างประเทศ
ขณะที่เสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาจะทำให้พวกเขาสามารถยืนยันการแต่งตั้งสมาชิกคณะรัฐมนตรี ผู้พิพากษา และบุคลากรอื่นๆ ของทรัมป์ได้ แม้ว่ารีพับลิกันจะไม่มีคะแนนเสียงถึง 60 เสียง ซึ่งเป็นตัวเลขที่จำเป็นในการผ่านกฎหมายส่วนใหญ่ได้อย่างรวดเร็วก็ตาม
เมื่อวานนี้ ทรัมป์เริ่มตั้งทีมบริหารชุดใหม่ หลังชนะการเลือกตั้ง เริ่มจากการแต่งตั้งนางซูซี่ ไวลส์ (Susie Wiles) หนึ่งในผู้จัดการทีมรณรงค์หาเสียงเป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ถือเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญนี้
ทรัมป์ได้กล่าวชื่นชมไวลส์ว่าเป็นคนช่วยให้เขาประสบความสำเร็จทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา และมีส่วนสำคัญในการรณรงค์หาเสียงของเขาทั้งในปี 2559 และ 2563
ไวลส์ เป็นนักยุทธศาสตร์ทางการเมืองมาอย่างยาวนานและเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ นอกจากนี้ ยังได้รับคำชมอย่างมากที่สามารถทำให้ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกาด้วย
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวหลายแห่งเปิดเผยว่า ตอนนี้ ทรัมป์กำลังพิจารณาแต่งตั้งบุคคลอื่น ๆ เข้ามาดำรงตำแหน่งในรัฐบาลใหม่ของเขา หนึ่งในคนที่ติดโผตัวเต็งที่จะเข้ามาทำงานในรัฐบาลทรัมป์ 2.0 คือ นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของบริษัทเทสลา, สเปซเอ็กซ์, และแอปพลิเคชันเอ็กซ์ หรือ ทวิตเตอร์เดิม
มัสก์ถือเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของทรัมป์ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งนี้ เขาเป็นหนึ่งในผู้บริจาคเงินให้กับทีมหาเสียงของทรัมป์สูงถึง 119 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4,050 ล้านบาท) ซึ่งทรัมป์มีแนวคิดที่จะให้มัสก์เข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำในกระทรวงใหม่ที่เขาจะตั้งขึ้นมาที่ชื่อว่า "กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (Department of Government Efficiency) หรือ ดอดจ์ (DOGE) ซึ่งจะทำหน้าที่ลดค่าใช้จ่ายและปฏิรูปกฎระเบียบของหน่วยงานรัฐบาลกลาง
ส่วนคนที่ 2 ที่มีชื่อติดโผ คือ นายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F Kennedy Jr) หลานชายของอดีตประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี ซึ่งเขาเคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในนามของพรรคเดโมแครต และผู้สมัครอิสระแต่ไม่ได้รับการสนับสนุนมากนัก จึงถอนตัวและประกาศสนับสนุนทรัมป์
ในช่วง 2 เดือนท้ายของการหาเสียง เคนเนดี จูเนียร์เป็นผู้นำในแคมเปญหาเสียงของทรัมป์ที่มีชื่อว่า เมค อเมริกา เฮลธี อะเกน (Make America Healthy Again) ซึ่งทรัมป์สัญญาว่าจะให้เขาเข้ามารับตำแหน่งในหน่วยงานด้านสุขภาพ เช่น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ CDC และคณะกรรมการอาหารและยา หรือ FDA
นอกจากนี้ ยังมีนายไมค์ ปอมเปโอ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐแคนซัส ที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองของสหรัฐฯ หรือ CIA และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของทรัมป์สมัยแรก เขาเป็นหนึ่งในตัวเต็งที่คาดว่าจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
มีบทความจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า หลังจากที่ผลเลือกตั้งออกมาว่า ทรัมป์คว้าชัยชนะ ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนรู้สึกสิ้นหวัง หลายคนมีความคิดว่า จะออกนอกประเทศเลยทีเดียว
รอยเตอร์ส รายงานว่า ข้อมูลค้นหาคำว่า "ย้ายไปแคนาดา" ใน Google พุ่งสูงขึ้น 1,270% ในช่วง 24 ชั่วโมง หลังจากผลคาดการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯในฝั่งตะวันออกเมื่อวันเลือกตั้งที่ผ่านมาออกมาว่า ทรัมป์ชนะ
ขณะที่การค้นหาคำที่คล้ายกันเกี่ยวกับการย้ายไปนิวซีแลนด์ก็พุ่งสูงขึ้นเกือบ 2,000% ในขณะที่การค้นหาเกี่ยวกับออสเตรเลียพุ่งสูงขึ้น 820%
ในช่วงค่ำวันพุธที่ผ่านมา การค้นหาเกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานใน Google พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในทั้งสามประเทศ