ต่างประเทศ

โค้งสุดท้ายเดือด! ทรัมป์-แฮร์ริส เร่งเครื่องหาเสียงวิสคอนซิน ชิงคะแนนรัฐสมรภูมิ หลังผลโพลชี้สูสี

โดย panwilai_c

2 พ.ย. 2567

13 views

เข้าสู่สุดสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ตัวแทนของ 2 พรรคใหญ่ ทั้งคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน ประชันหาเสียงห่างกันเพียง 11 กิโลเมตร ที่รัฐวิสคอนซิน หนึ่งในรัฐสมรภูมิ ท่ามกลางผลโพลที่มีความสูสีกันมาก



การหาเสียงของรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้แทนจากพรรครีพับลิกัน เมื่อวานนี้ ทั้งคู่ลงพื้นที่หาเสียงที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซิน เป็นครั้งสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง โดยวิสคอนซินเป็นหนึ่งในรัฐสมรภูมิ ที่มีความสำคัญในการตัดสินผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี มีคะแนนคณะผู้เลือกตั้ง 10 คะแนน



ผู้สมัครทั้งสองหาเสียงกันในเมืองมิลวอกีแบบประชันกัน โดยแฮร์ริสตั้งเวทีหาเสียงอยู่บริเวณชานเมือง และขึ้นเวทีหาเสียงพร้อมกับแร็ปเปอร์สาว คาร์ดี บี เจ้าของรางวัลแกรมมี่ โดยเน้นการหาเสียงไปที่ประเด็นเศรษฐกิจ



เดโมแครตพยายามกระตุ้นให้ผู้ลงคะแนนในเมืองมิลวอกี ซึ่งมีประชากรผิวสีมากที่สุดในวิสคอนซิน ออกไปใช้สิทธิ์กันให้มากที่สุด เพื่อต่อสู้กับทรัมป์ที่มีคะแนนสนับสนุนในพื้นที่ชานเมืองและชนบท แฮร์ริสหวังว่า จะสามารถดึงคะแนนเสียงได้เหมือนปี 2020 ที่มีผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถึง 79% หรือมากกว่านั้น



ในการเลือกตั้งปี 2016 ฮิลลารี คลินตันไม่ได้มาหาเสียงในวิสคอนซิน หลังจากที่เธอแพ้เลือกตั้งขั้นต้น แต่แฮร์ริสไม่ทำซ้ำรอยเดิม การไปวิสคอนซินเมื่อวานนี้จะเป็นการเยือนวิสคอนซินครั้งที่ 9 และเป็นการเยือนมิลวอกี หรือพื้นที่ชานเมืองเป็นครั้งที่ 5 ในฐานะผู้สมัครของแฮร์ริส ขณะที่ทรัมป์มาหาเสียงที่วิสคอนซินเป็นครั้งที่ 10 และหาเสียงที่เมืองมิลวอกีเป็นครั้งที่ 3 แล้ว



และในเมืองเดียวกันนี้ ห่างกันออกไปเพียง 11.27 กิโลเมตร ทรัมป์ได้ปักหลักหาเสียงบริเวณใจกลางเมืองมิลวอกี ทรัมป์ได้หาเสียงย้ำถึงนโยบายความปลอดภัยบริเวณชายแดน และได้บอกกับผู้สนับสนุนว่า เหล่าผู้อพยพกำลังแย่งงานชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันและฮิสแปนิก



นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังแสดงความมั่นใจด้วยว่า เขาได้รับชัยชนะในรัฐวิสคอนซิน โดยในการหาเสียงที่มิลวอกีของทรัมป์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดเหตุขัดข้องทางเทคนิคระหว่างที่ทรัมป์กำลังขึ้นกล่าวปราศรัย ทำให้การหาเสียงต้องล่าช้าออกไป



ส่วนโปรแแกรมในวันนี้ แฮร์ริสจะเดินทางไปหาเสียงที่แอตแลนตาและชาร์ล็อต และวันพรุ่งนี้ จะขึ้นเวทีหาเสียงที่เมืองอีสต์แลนซิง รัฐมิชิแกน ซึ่งเธอจะกระตุ้นให้นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตไปลงคะแนนเสียง ก่อนจะปิดท้ายการหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย



ทางด้านทรัมป์จะไปหาเสียงที่เมืองกรีนส์โบโร รัฐนอร์ท แคโรไลนา ในวันนี้ และจะไปปราศรัยที่เมืองลิตทิซ รัฐเพนซิลเวเนียเช้าพรุ่งนี้ ก่อนเดินทางไปที่เมืองเมคอน รัฐจอร์เจียในช่วงเย็น



โพลสำรวจความนิยมผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั่วประเทศล่าสุด ที่จัดทำโดย ไฟว์ เทอร์ตีเอก และ เอบีซี ชี้ว่า แฮร์ริสนำทรัมป์แบบสูสีที่ 48% ต่อ 47%



ส่วนโพลสำรวจคะแนนนิยมใน 7 รัฐสมรภูมิล่าสุด ทรัมป์มีคะแนนนำแฮร์ริส 5 ต่อ 2 ทรัมป์มีคะแนนนำใน เพนซิลวเนีย เนวาดา นอร์ท แคโรไลนา จอร์เจีย แอริโซนา ขณะที่แฮร์ริส นำใน วิสคอนซินและ มิชิแกน



ขณะที่ร้านบัสเกน เบเกอรี่ (Busken Bakery) เมืองซินซินเนติ (Cincinati) ในรัฐโอไฮโอ้ ก็ได้ทำโพลคุกกี้ ที่ร่วมทำนายผลเลือกตั้งผู้นำสหรัฐต่อเนื่องมา 40 ปีแล้ว โดยร้านประกาศว่าเขามีสูตรการคำนวณที่สามารถทำนายผลที่แม่นยำ ด้วยการนับยอดขายคุกกี้ที่มีรูปการ์ตูนใบหน้าของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ตามสถิติแล้วบัสเกน เบเกอรี่ ทำนายผลเลือกตั้งได้อย่างแม่นยำ 9 ใน 10 ครั้ง ซึ่งปีเดียวที่ทำนายผิด คือ ปีที่โจ ไบเดนชนะการเลือกตั้งในปี 2020



สำหรับปีนี้ จนถึงวันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คุกกี้หน้าทรัมป์ขายไปได้ 3 หมื่น 943 ชิ้น เทียบกับของแฮร์ริสที่ขายไป 1 หมื่น 960 ชิ้น ส่วนผู้สมัครอิสระ ซึ่งเป็นรูปคุกกี้หน้ายิ้มสีเหลือง ขายไป 2 พัน 159 ชิ้น



คุณสมบัติข้อแรกเลยคือ ต้องเกิดในสหรัฐฯ เป็นพลเมืองอเมริกันโดยกำเนิด ข้อสอง คือมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และข้อสาม มีถิ่นที่อยู่อาศัย โดยถูกต้องตามกฏหมายไม่ต่ำกว่า 14 ปี



นอกจากนี้จะต้องไม่เคยดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้ว 2 วาระด้วย ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีก็ต้องมีคุณสมบัติเดียวกัน



จะสังเกตได้ว่า ไม่มีข้อกำหนดใดที่ระบุว่า ผู้สมัครประธานาธิบดีต้องไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือไม่ถูกตัดสินลงโทษในคดีอาญา ดังนั้นโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งขณะนี้เผชิญกับคดีอาญามากมายจึงสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้



หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกำหนดข้อห้ามเกี่ยวกับการลงสมัครของบุคคลที่ถูกดำเนินคดีอาญา จะต้องผ่านกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เข้มงวด ได้แก่ การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านสภาคองเกรสโดยต้องได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 จากทั้งสองสภา หรือการจัดประชุมโดยได้รับเสียงสนับสนุนจากรัฐต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก

คุณอาจสนใจ

Related News