ผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซา ยอดพุ่งทะลุ 5,000 คน หลังถูกอิสราเอลถล่มหนัก

วันนี้สถานการณ์ในอิสราเอล ได้มีการสรุปความสูญเสียของเมื่อวาน โดยเฉพาะการโจมตีในพื้นที่ฉนวนกาซา ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่การสู้รบเปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซาพุ่งทะลุกว่า 5,000 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึง 436 คน


กระทรวงสาธารณสุขของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาเปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันอิสราเอลได้ยิงขีปนาวุธเข้ามาโจมตีฉนวนกาซาอย่างหนักหน่วง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 436 คน ดังนั้น ตอนนี้ ยอดผู้เสียชีวิตเฉพาะในฉนวนกาซาจากการถล่มของอิสราเอลเพิ่มเป็น 5,087 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2,055 คน และผู้หญิง 1,119 คน และบาดเจ็บอีก 15,273 คน


โดยสถานที่ในกาซาที่ถูกอิสราเอลโจมตี เมื่อวานนี้ มีทั้งมัสยิดในค่ายผู้ลี้ภัยจาบาเลีย ทางตอนเหนือของกาซา, ตลาดในค่ายผู้ลี้ภัยนูเซรัต, และใกล้กับโรงพยาบาล 2 แห่ง


สภากาชาดของปาเลสไตน์ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการโจมตีของอิสราเอลใกล้กับโรงพยาบาลอัลคุดส์ (Al-Quds) ในฉนวนกาซา ลงบนแพลตฟอร์ม เอ็กซ์ (X) พร้อมระบุว่า เกิดการระเบิดอย่างน้อย 2 ครั้งขณะที่ตัวแทนจากสภากาชาดสากลกำลังเดินทางลงไปเยี่ยมโรงพยาบาลดังกล่าว ทำให้ผู้คนในบริเวณดังกล่าวต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งหาที่หลบภัย


ด้านกองกำลังป้องกันอิสราเอล หรือ ไอดีเอฟ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ทำการโจมตีเป้าหมายของกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาไปมากถึง 320 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ใต้ดินที่กลุ่มฮามาสใช้เป็นแหล่งกบดาน, สำนักงานปฏิบัติการ, รวมถึง จุดที่ฮามาสใช้เป็นฐานปล่อยจรวด ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งใกล้โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนมัธยม มัสยิด และอาคารของสหประชาชาติในกาซา ไอดีเอฟ และหน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอล หรือ ไอเอสเอ ให้เหตุผลว่า สถานที่ต่าง ๆ ที่ถูกถล่ม อาจเป็นอันตรายต่อกำลังพลของตนเองที่กำลังประจำการอยู่รอบฉนวนกาซา และเตรียมเปิดปฏิบัติการทางทหารภาคพื้นดินในเร็ว ๆ นี้


นายโยอาฟ กัลแลนท์ (Yoav Gallant) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของอิสราเอลบอกว่า ปฏิบัติการทางทหารในครั้งนี้ ไม่ว่าจะใช้เวลานานกี่เดือนก็จะต้องปราบกลุ่มฮามาสให้สิ้นซาก จนไม่เหลือฮามาสอยู่ในฉนวนกาซาอีกเลย นายกัลแลนท์ ยังได้กล่าวขอบคุณกองทัพอากาศ และว่าปฏิบัติการขั้นต่อไป ซึ่งก็คือ ปฏิบัติการภาคพื้นดิน จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้


นอกจากนี้ ไอดีเอฟยังเผยว่า เมื่อวานนี้เป็นวันแรกที่มีการใช้ระเบิด "สตีล สติง (Steel Sting)" หรือ "ไอเอิร์น สติง (Iron Sting)" ในการโจมตีกลุ่มฮามาส โดยใช้ไปทั้งหมด 10 ลูกรอบ ๆ และทางเหนือของกาซา ระเบิดชนิดดังกล่าวใช้เลเซอร์ และจีพีเอสในการนำทาง ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายในพื้นที่ที่กำหนดเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกัน ช่วยลดความเสี่ยงในการโจมตีคนที่ไม่เกี่ยวข้องได้ด้วย


ส่วนในวันนี้ มีรายงานว่ากลุ่มฮามาสได้โจมตีโต้กลับอิสราเอลด้วยการยิงขีปนาวุธจากพื้นที่ทางใต้ของฉนวนกาซา แต่ยังไม่มีรายงานว่าเกิดความเสียหายขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ดี นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม การโจมตีของกลุ่มฮามาสทำให้ฝั่งอิสราเอลเสียชีวิตไป 1,400 คน และบาดเจ็บกว่า 5,000 คน นอกจากนี้ ฮามาสยังอ้างว่ามีนักรบของตนเองเผชิญหน้ากับทหารอิสราเอลที่แทรกซึมเข้ามาในฉนวนกาซากาซา ที่เมืองข่าน ยูนิส และว่าสามารถทำลายอุปกรณ์ทางทหารของอิสราเอลบางส่วนได้สำเร็จก่อนกลับฐานทัพ


ส่วนเรื่องการช่วยเหลือพลเรือน วันนี้ มีรายงานว่ารถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมขบวนที่ 3 จำนวนอย่างน้อย 34 คันได้เคลื่อนตัวผ่านจุดผ่านแดนราฟาห์ของอียิปต์เข้าไปในฉนวนกาซา โดยความช่วยเหลือที่นำเข้าไปประกอบไปด้วย อาหาร, น้ำ, ยา, และอุปกรณ์ทางการแพทย์


อย่างไรก็ดี นอกจากยา, น้ำ, และอาหารแล้ว เมื่อวาน องค์การสหประชาชาติยังนำรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างน้อย 7 คัน เข้าไปในฉนวนกาซาด้วย โดยย้ำว่า จะนำไปใช้ในโรงเรียนและโรงพยาบาล องค์การด้านสิทธิมนุษยชนหลายแห่งเตือนว่า ความช่วยเหลือดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของพลเรือนในกาซาที่มีมากกว่า 2 ล้านคน ทำให้ตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในความเสี่ยงจากภาวะขาดน้ำและอาหารอย่างรุนแรง


อย่างไรก็ดี วันนี้ เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ ได้นำอาหารและสิ่งของช่วยเหลือไปให้ กับชาวปาเลสไตน์ที่ลี้ภัย อยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในเมืองข่าน ยูนิส ซึ่งผู้อพยพหลายคนบอกว่าสิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่ความช่วยเหลือ แต่เป็นการหยุดยิง บางคนบอกว่านอนไม่หลับเลย ทั้ง กลางวันและกลางคืน เพราะผวาเสียงระเบิด