ปธน.ยูเครน ประณามรัสเซียกำลังฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ ลั่นพร้อมเจรจา แต่ต้องไม่ใช่ที่เบลารุส

ผู้นำยูเครน แถลงพร้อมเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย แต่สถานที่หารือต้องไม่ใช่ที่เบลารุส ขณะที่ปฎิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครน เป็นไปอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะรอบๆกรุงเคียฟ



ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ ผู้นำยูเครน แถลงในวันนี้ว่า ยูเครน พร้อมที่จะเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย หากสถานที่หารือ ต้องไม่ใช่ที่ เบลารุส ซึ่งถูกใช้เป็นฐานของรัสเซียโจมตียูเครน นอกจากนี้เขายังได้เรียกร้องให้มีการถอดถอนสิทธิ การลงมติของรัสเซียในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติด้วย พร้อมกับกล่าวหาการกระทำของรัสเซีย มีแนวโน้มเป็นการ 'ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์' ด้วย



ถ้อยแถลงล่าสุดของประธานาธิบดี เซเลนสกี้ มีขึ้น ท่ามกลางการสู้รบอย่างหนักหน่วง ในหลายเมืองของยูเครน ซึ่งดำเนินเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากปฎิบัติการทางทหารพิเศษ ในยูเครน ล่าสุดมีรายงานว่า กองกำลังรัสเซีย ได้เคลื่อนพลเข้าสู่เมืองคาร์คีฟแล้ว แต่ล่าสุดยูเครนอ้างว่า สามารถขับไล่ทหารรัสเซียออกไปได้ในภายหลัง และควบคุมคาร์คีฟคืนได้แล้ว



ขณะที่โฆษกของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย เผยว่า ในช่วงกว่า 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้โจมตีเป้าหมายที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางทหารยูเครนได้ 975 จุด รวมทั้ง สนามบิน และ คลังเก็บน้ำมัน



ขณะที่กระทรวงกลาโหมยูเครน เผยภาพคลังเก็บน้ำมัน ใกล้ฐานทัพอากาศในเมือง วาซิลคีฟ ทางใต้ของกรุงเคียฟ รวมไปถึง ท่อส่งก๊าซ ในเมืองคาร์คีฟ ถูกโจมตีโดยขีปนาวุธรัสเซียอย่างรุนแรง ทางการท้องถิ่นเตือนควันพิษจากไฟที่ลุกไหม้ หวั่นเป็นภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม จนถึงขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิตในยูเครนแล้ว มีมากกว่า 210 คน บาดเจ็บกว่า 1 พัน 100 คน แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นทหารหรือพลเรือน



อย่างไรก็ตาม มีชาวยูเครนทั้งชายและหญิง อาสาเข้าร่วมกองกำลังพิเศษเพื่อช่วยป้องกัน ประเทศเป็นจำนวนมาก โดยขณะนี้ได้ระดมทำระเบิดขวดขึ้นมา เพื่อเตรียมพร้อมหากองทัพรัสเซีย ที่กำลังรุกคืบเข้ามายังกรุงเคียฟ



ขณะที่นานาชาติ ยังคงเดินหน้าใช้มาตรการคว่ำบาตร ทางเศรษฐกิจกับรัสเซียเข้มข้นมากขึ้น หลังจากสหภาพยุโรป,สหราชอาณาจักร,สหรัฐและแคนดา เห็นพ้องจะตัดธนาคารรัสเซียบางแห่ง ออกจากระบบ "สวิฟต์" ซึ่งเป็นระบบธุรกรรมการเงินระหว่างธนาคารที่ใช้กันทั่วโลก หวังกดดันรัสเซีย ให้หยุดปฎิบัติการรุกรานยูเครน



ขณะเดียวกัน สหราชอาณาจักร , โปแลนด์ , บัลแกเรีย , ลัตเวีย และ สาธาณรัฐเช็ก ได้สั่งปิดน่านฟ้า ห้ามสายการบินของรัสเซียบินผ่าน เพื่อลงโทษรัสเซีย ส่งผลให้ รัสเซีย ไม่พอใจ ตอบโต้กลับด้วยมาตรการเดียวกัน สั่งปิดน่านฟ้า ไม่ให้เครื่องบินของสายการบินของบัลแกเรีย , โปแลนด์ และ สาธารณรัฐเช็ก บินผ่านน่านฟ้ารัสเซียเช่นกัน