3 วันไม่แผ่ว! ปชช.แห่กดเงิน 10,000 คึกคัก จนเกลี้ยงตู้ ATM - จนท.หอบเงินหมื่น มอบถึงมือคนพิการ

ประชาชนหลายจังหวัดยังแห่กดเงิน 1 หมื่นบาทอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่นำเงินไปจับจ่ายใช้สอย อาหาร ข้าวของที่จำเป็น รวมทั้งไถ่ถอนของและทรัพย์สินที่โรงรับจำนำ ชาวบ้านบางคนดีใจจนเป็น หลังได้จับเงินหมื่นเป็นครั้งแรกในชีวิต  


ช่วงบ่ายวานนี้ (27 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีผู้พิการในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ที่ยังไม่ได้รับเงินโอนจากรัฐบาลจำนวน 1 หมื่นบาทกันจำนวนมาก ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ที่ศูนย์บริการคนพิการจังหวัดอุทัยธานี ชั้น 1 ของศาลากลางจังหวัดอุทัยธานี เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว


และเจ้าหน้าที่ได้ให้ข้อมูลว่าคนพิการที่ขึ้นทะเบียนและทำบัตรคนพิการของจังหวัดอุทัยธานี มีจำนวนกว่า 1.2 หมื่นคน ซึ่งที่ผ่านมาได้มีผู้พิการมาทำบัตรใหม่ และต่ออายุบัตร เพื่อรับสิทธิ์ที่จะได้เงินโอนจากรัฐาล 1 หมื่นบาทไปแล้วจำนวนกว่า 1.1 หมื่นคนและได้รับเงินโอนในรอบแรกไปแล้วจำนวนหลายพันคน เหลือเพียงไม่ถึงร้อยละ 10 ที่ยังไม่ได้ต่ออายุบัตรคนพิการ จนถึงวันนี้ยังคงมีผู้พิการต่างๆ มาต่ออายุบัตรกันอย่างต่อเนื่องคาดว่าน่าครบทั้งหมดภายในเดือนนี้ เพื่อรับสิทธิดังกล่าว

ส่วนผู้พิการที่มีสิทธิรับเงิน 1 หมื่น ที่ยังไม่ได้รับเงิน จะได้รับเงินโอนจากรัฐบาลอีก 3 ครั้ง คือครั้งที่ 1 ในวันที่ 21 ตุลาคม 2567 ครั้งที่ 2 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 และครั้งที่ 3 ในวันที่ 19 ธันวาคม 2567

ส่วนสีสันของผู้ที่ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท ชาวบ้านรายหนึ่ง กำลังขมักเขม้นตั้งเครื่องเซ่นไหว้แก้บนกลางแจ้ง หลังจากเคยบนบานกับสิ่งศักสิทธิ์  “หลวงพ่อเคลือบวาจาศักดิ์สิทธิ์” ขอให้ได้เงิน 1 หมื่นบาท เพราะกลัวว่าโครงการจะถูกเลื่อน และกลัวตกหล่น พอหลังจากที่วันนี้ได้รับเงิน 1 หมื่นบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ได้กดเงินออกมาส่วนหนึ่งนำไปซื้อข้าวสารไว้ จำนวน 20 กระสอบ ซึ่งสามารถกินได้ 1 ปี  และของกินของใช้อีกจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยของแก้บน มาแก้บนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ส่วนที่ธนาคาร ธกส. สาขาชัยนาท และธนาคารออมสิน สาขาชัยนาท อ.เมืองชัยนาท มีประชาชนแห่กดเงินจำนวนมากจนเงินหมดเกลี้ยงทุกตู้ บางตู้เหลือแค่แบงค์ร้อย กดได้ครั้งละ 2,000 บาท ก็กดเอาเท่าที่ออกมาได้ก่อน ส่วนคนที่กดไม่ได้ก็นั่งรอถอนเงินจากธนาคารตามระเบียบ

ขณะที่ผู้พิการรายหนึ่ง ใช้ไม้ค้ำยัน 4 ขา เหมารถไปยังธนาคารเพื่อกดเงินหมื่น แต่ปรากฏว่า ยังไม่สามารถกดได้เพราะ เลขท้ายบัตรประชาชน นั้นเป็นเลข 9 จะได้รับเงินในวันที่ 30 ก.ย. ขากลับเรียกรถไปส่งบ้าน แต่ดันมาส่งทิ้งไว้กลางทาง พลเมืองดีจึงเรียกรถไปส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย

ต่อกันที่ จ.ฉะเชิงเทรา คุณยาย ยายสุทธา วัย  82 ปี ที่เดินทางมาจับจ่ายตลาดนัดครั้งแรกในชีวิต คุณยายเล่าว่า หลังได้รับเงินหนึ่งหมื่นบาท ตั้งแต่เช้าก็รู้สึกดีใจ จึงพากันออกไปกดเงินสดและนำมาฝากไว้ที่น้องสาว พอตกเย็นก็อยากออกมาเดินซื้อสินค้าในตลาดนัดสักครั้งในชีวิต เพราะปกติแล้วตนเองจะชอบอยู่เฝ้าบ้านไม่ค่อยออกไปไหน วันนี้หลานสาวมาพอดี จึงให้หลานสาวขับรถพามาเดินตลาดนัด  ก่อนทิ้งท้ายว่าดีใจที่ได้ออกมาเดินเปิดหูเปิดตาเลือกซื้อสินค้าในตลาดนัด ครั้งแรกในชีวิต 82 ปี

ที่ จ. ขอนแก่น ที่สถานธนานุบาลเทศบาลนครขอนแก่น แห่ง 1 เขตเทศบาลนครขอนแก่น มีประชาชนทยอยเดินทาง มาไถ่ถอนสิ่งของที่จำนำไว้ในราคาไม่เกิน 10,000 บาท กันอย่างคึกคัก  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นทองคำรูปพรรณ เครื่องมืออุปกรณ์ทางการเกษตร รวมไปทั้งผ้าไหม ก็มี

นางรัตติยา อายุ 53 ปี เล่าว่า ได้เอาทองคำมาจำไว้ตั้งแต่ปี 2566 ในราคา 10,00 บาท แล้วนำเงินที่ได้ ในตอนนั้น ไปทำการรักษาฟอกไต ที่ตนกำลังป่วยอยู่ พอได้เงินจากรัฐบาลมาจำนวน ซึ่งรู้สึกดีใจ ที่รัฐบาลนำเงินก้อนนี้ให้ หากไม่ได้รัฐบาลช่วย คงไม่รู้จะนำเงินที่ไหน มาไถ่ถอน ทองคำ ออกมาใส่ได้

ส่วนที่ ศรีสะเกษ ที่ศาลาประชาคมบ้านกระแชง ตำบลกระแชง อำเภอกันทรลักษ์ ชาวบ้านจำนวนมากมารอรับเงิน 10,000 ชาวบ้านบางคนถึงกับเป็นลม ด้วยความดีใจ ที่ได้รับเงิน ทราบชื่อ คือ ยายปอนด์ อายุ 80 ปี บอกว่า ทีเป็นลมเพราะรู้สึกดีใจและตื่นเต้นที่ได้เงินจากรัฐบาล เพราะไม่เคยได้จับเงินหมื่นมาก่อน ทำให้ตนเกิดอาการตกใจและเป็นลมหน้ามืดขึ้นมา ซึ่งชาวบ้านที่ใกล้เคียงต้องช่วยกันนำกระดาษมาพัดและพานำมานั่งเก้าอี้ เพื่อบรรเทาอาการเป็นลม ก่อนที่จะนำส่งยายปอนด์กลับบ้าน

ขณะเดียวกัน นายธนาวรรณ สุระชาติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลกระแชง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ไปที่บ้านของผู้การ เพื่อมอบเงิน จำนวน 10,000 บาท ทราบชื่อคือ นายอภิชาติ หรือนายต้น อายุ 30 ปี  ซึ่งป่วยเป็นโรคโปลิโอ ตั้งแต่กำเนิด  มีนางนโมรา อายุ 57 ปี ผู้เป็นแม่เป็นผู้ดูแลมาตลอด เพราะพ่อของนายต้น นั้น ได้เสียชีวิตไปนานกว่า 6 ปี แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของพี่สาวและน้องชายของนายต้น ต้องหาเงินมาดูแลครอบครัว ซึ่งขณะที่นายต้นได้รับเงินจำนวน 10,000 บาท จากทางรัฐบาล ก็ได้ส่งเสียงลักษณะเหมือนอาการดีใจ อยู่ตลอดเวลา

นางนโมรา เปิดเผยว่า นายต้น ป่วยเป็นโรคโปลิโอ ตั้งแต่กำเนิด ทำให้ภาระส่วนใหญ่การดูแลครอบครัว ตกอยู่กับพี่สาวและน้องชายของนายต้น ในการทำหน้าที่ส่งเงินมาให้ช่วยเหลือจุนเจือ เพราะตนก็ไม่ได้ทำงานแต่อย่างใด โดยพี่สาวของนายต้น ทำงานอยู่ต่างจังหวัด จะส่งเงินมาให้ทางบ้านเดือนละ 2,000 – 3,000 บาท ส่วนน้องชายของนายต้น ทำงานเกษตรกร และรับจ้างทั่วไป ซึ่งตนต้องขอขอบคุณรัฐบาล ที่ให้เงินจำนวน 10,000 บาท ในครั้งนี้ ตนจะนำเงินไปซื้อแพมเพิร์สและสิ่งของต่างๆ ในครอบครัวเพื่อมาใช้ในการดูแลนายต้นต่อไป


https://youtu.be/3tuejqpmcmk


โดย petchpawee_k

28 ก.ย. 2567

14 views

EP อื่นๆ