21 พ.ย. 2568
“อนุทิน” ลั่นพร้อมยุบสภาฯ 12 ธ.ค.นี้ ชี้รัฐบาลไปต่อไม่ได้ ถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็แพ้
“อนุทิน” ท้าฝ่ายค้านหากรอไม่ไหวยื่นซักฟอก พร้อมยุบสภาฯ 12 ธ.ค.ทันที ชี้รัฐบาลไปต่อไม่ได้ ถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็แพ้
วันที่ 20 พ.ย.2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมนา “PRACHACHAT OUTLOOK THAILAND 2026 : ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ”
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เศรษฐกิจของเรากำลังเดินไปข้างหน้า ในเรื่องการค้าการลงทุนกำลังเผชิญ ปัญหาด้าน ขีดความสามารถ รวมถึงโครงสร้างประชากรที่จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ซึ่งเราก็ต้องปรับเรื่องการเกษียณอายุราชการ ที่ต้องทำเป็นขั้นบันได ให้เข้ารูปเข้ารอยไม่ต้องไปกังวล
โดยรัฐบาลนี้มีเวลาแค่ 4 เดือนก็ต้องรู้ว่าตรงไหนที่สามารถเปลี่ยนได้และมีมติได้ภายใน 4 เดือนก็ต้องทำ เรามีรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายที่รู้เรื่องกฎหมายเป็นอย่างดี หากอยู่ 4 เดือนก็สามารถทำได้แต่หากอยู่ไม่ถึงก็ทิ้งเอาไว้ให้คนอื่นทำต่อได้โดยไม่สงวนลิขสิทธิ์ใดๆ
อย่างเรื่อง คนละครึ่งพลัส ที่คนวิจารณ์ว่าเป็นนโยบายสมัยลุงตู่ ตนก็ถามว่าทำไม เพราะลุงตู่ก็นายผม เมื่อทำมาแล้ว ก็ทำต่อ ตนไปลอกข้อสอบ และใส่คำว่าพลัสเข้าไป พร้อมระบุว่า ตั้งแต่เข้ามาการเมืองโดนด่าหมด ยกเว้นคนละครึ่งพลัส เดินไปไหนคนชมหมด ดังนั้นเราต้องเป็นคนหัวแข็งต้องยืดหยุ่น อะไรที่คิดแล้วเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมก็ต้องทำไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “ด้านเศรษฐกิจของไทยก็ต้องเดินหน้า ซึ่งตอนนี้มีความพร้อมแล้ว ทั้งด้านทรัพยากรพร้อม กฎระเบียบก็พร้อม และหากอยากให้พร้อมก็เลือกตนกลับมา เพราะตอนนี้ก็ปฏิรูปการศึกษาอยู่ปฏิรูปพลังงาน ให้คนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ในส่วนของพลังงาน ถึงแม้ว่าจะทำไม่ได้ทั้งหมดแต่ทุกอย่างในเวลาจำกัดเราก็ปูทางเอาไว้ดังนั้นขอให้ประชาชนตัดสินใจเอาเองว่าคนไหนที่มีความตั้งใจที่จะทำสิ่งเหล่านี้และมีความกล้าหาญมากเพียงพอที่จะทำสิ่งเหล่านี้”
รัฐบาลนี้พูดคำว่า upskill และ reskill ตลอด เพื่อให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กขนาดย่อยและทุกระดับมีการยกระดับตัวเองและสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น และเศรษฐกิจเหล่านี้ก็จะเป็นโอกาสของ เพราะประเทศที่สามารถชนะในยุค ai ได้คือประเทศที่คนทางสังคมเรียนรู้และปรับตัวได้มากที่สุดซึ่งคือเป้าหมายในการสังคมของรัฐรัฐบาลชุดนี้
อย่างไรก็ตามในขณะที่กำลังรับมือกับการพัฒนาใหม่ใหม่ในเรื่องของการเพิ่มทักษะ ใหม่ใหม่ก็คือเรื่องการสร้างสังคมเพราะคนเกิดน้อยลงประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัวแล้วเพราะฉะนั้นจะต้องทำ 3 เรื่องสำคัญคือ 1.การขยายอายุเกษียณราชการให้สอดคล้องกับความสามารถ
2.การพัฒนาระบบสาธารณสุขที่สามารถรองรับการดูแลทั้งระยะยาวและผู้สูงอายุผู้ป่วยเรื้อรังและบริการเชิงป้องกัน ซึ่งการปรับตัวอย่างรุนแรงของระบบสาธารณสุขหากไม่ทำตายแน่นอนเพราะคนไม่ตายระบบจะตาย เพราะยาก็ดีค่ารักษาก็น้อยรวมไปถึงค่ารักษาฟรีเพราะฉะนั้นคุณไม่ตาย หากโรงพยาบาลเต็มก็เอาอยู่ที่บ้านและให้การดูแลอย่างเต็มที่เพราะฉะนั้นจึงมีความสุขอย่างมากในเรื่องการยืดอายุคน เพราะ 60 ปีเกษียณไม่ได้ ต้องทำให้ติดเตียงใกล้อายุ 80 ต้องยังทำมาหากินได้ ไม่ไม่เป็นภาระให้คนรุ่นหลัง จึงต้องทำให้เขาไม่ป่วยด้วยระบบสาธารณสุข ขอให้รู้ว่าถ้าป่วยถือรักษาได้
และสุดท้ายคือการยกระดับ ทักษะแรงงานสูงวัยวัย ซึ่งตนมองว่ามีโอกาสที่จะสามารถสร้างธุรกิจในการดูแลผู้สูงอายุของไทยและผู้สูงอายุที่มาจากต่างชาติ
“ส่วนเรื่องการเมือง ไม่ต้องไปฟัง เพราะไม่นานตนก็ยุบสภาแล้วจะคืนอำนาจให้กับประชาชน ตอนนี้ตัวเลือกไม่เยอะ ขอให้ดูว่าพรรคไหนที่มีการเมืองที่ดีแล้วต้องมีการปฏิบัติที่ดีด้วย และต้องดูด้วยว่ามีความรู้มากพอที่จะปฏิบัติและความกล้าพอที่จะทำหรือไม่มีความเก่งพอ และบารมีที่จะแสวงหาความร่วมมือหรือไม่ ซึ่งตนคิดว่าตนมีพอสมควร และเรื่องเหล่านี้ทุกคนต้องช่วยกัน
เพราะปีหน้าอย่างไรก็ต้องเลือกตั้ง เพราะสภาพการเมืองที่ดำรงมาจนถึงจุดนี้ต้องยอมรับตรงตรงว่าไปต่อไม่ได้ เพราะรัฐบาลเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่ต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจเพราะอภิปรายไปก็แพ้ และตนก็บอกแล้วว่า 31 มกราคมจะยุบสภา แต่ถ้ารอถึง 31 มกราคมไม่ไหว จะให้ยุบวันที่ 12 ธันวาคม ตนก็พร้อมยุบ แต่หากมีอะไรที่ทำไว้แล้วไม่เสร็จหลายอย่างก็ต้องไปเบลม (ตำหนิ) คนนั้น มาว่าตนไม่ได้ ซึ่งตนมองว่าต่อให้อภิปรายดีหรืออภิปรายห่วยหรือตอบโต้ดีแค่ไหนรัฐบาลก็แพ้เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เพราะไม่มีทางวินวิน วันนี้ตนไม่ได้ให้วินวินกับทางการเมือง แต่อยากให้วินวินกับประชาชน
เพราะตนก็เชื่อว่าพรรคของตนมีนโยบายดีๆ ที่จะไปว่ากันในสนามเลือกตั้ง ของใกล้ชิดกับการเมืองและใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจเพราะปีหน้าเป็นปีที่สำคัญหากตัดสินใจถูกประเทศไทยก็ก้าวกระโดด เร็วและรุนแรงเพราะตอนนี้เรากลับเข้ามาสู่เรด้าได้แล้ว ทุกประเทศให้ความสำคัญและให้ความสนใจ ขณะรู้ว่านายกคนนี้รู้แค่สี่เดือนยังให้เวลาพบ แต่เขาเชื่อว่าสิ่งที่เราทำไว้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อหวังรักฐาน ว่าไม่ว่าใครก็ตามที่เข้ามาต้องยกรากฐานตัวนี้แล้วนำไปทำต่อเพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคงแข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเมืองจะปากดีปากเสียอย่างไรตนเชื่อว่าส่วนลึกๆ ของทุกคนก็ต้องการทำประโยชน์ให้กับประเทศและพี่น้องประชาชนดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่เราทุกคนยังต้องเคารพซึ่งกันและกันอยู่”
ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าคำว่าปรับเปลี่ยนและไปต่อเป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นกับคนทุกคนโดยเฉพาะคนที่มีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมือง
20 พ.ย. 2568
160 views
EP อื่นๆ
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568
21 พ.ย. 2568