25 ธ.ค. 2567
บอร์ดอีวีเคาะมาตรการลดภาษีหนุน HEV - รบ.เดินหน้านโยบายเซมิคอนดักเตอร์ ตั้งเป้าลงทุน 5 ปี 5 แสนล้าน
นายกฯ อิ๊งค์ ประชุมบอร์ดอีวี เคาะมาตรการลดภาษีหนุนรถยนต์ไฮบริด HEV – MHEV
วานนี้ (วันที่ 4 ธ.ค. 67) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือ บอร์ดอีวี กล่าวว่า ที่ประชุมบอร์ดอีวี ซึ่งมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบมาตรการ 2 เรื่องสำคัญ คือ
1. มาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า โดยปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับผลิตรถยนต์ Hybrid (HEV) และ Mild Hybrid (MHEV)
2. การขยายเวลาการผลิตชดเชยตามมาตรการ EV3 โดยให้สามารถโอนไปผลิตชดเชยตามเงื่อนไขมาตรการ EV3.5 และระงับการให้เงินอุดหนุน จนกว่าจะผลิตชดเชยได้ครบถ้วน
โดยทั้งสองมาตรการนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาสมดุลการแข่งขัน และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนทั้งระบบ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลกในทุกประเภทในระยะยาว
สำหรับ มาตรการสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า บอร์ดอีวี ได้เห็นชอบการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์นั่งและรถยนต์โดยสารขนาดที่นั่งไม่เกิน 10 คน แบบ HEV และ MHEV ซึ่งผลิตในประเทศ
1. มาตรการสนับสนุนรถยนต์ HEV กำหนดภาษีสรรพสามิตในอัตราคงที่ ตั้งแต่เริ่มใช้โครงสร้างภาษีใหม่ เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2569 – 2575) ตามมติบอร์ดอีวีเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2567 โดยมีอัตราและเงื่อนไขการลงทุน ดังนี้
1.1 ต้องมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สูงสุดไม่เกิน 120 g/km
- การปล่อย CO2 ไม่เกิน 100 g/km กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตร้อยละ 6
- การปล่อย CO2 ตั้งแต่ 101 – 120 g/km กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตร้อยละ 9
1.2 ต้องมีการลงทุนในไทยเพิ่มเติม โดยผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทในเครือไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567 – 2570
1.3 ต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่ผลิตหรือประกอบในประเทศ โดยต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศตั้งแต่ปี 2569 และต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญอื่น ๆ ตั้งแต่ปี 2571 โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ
- กรณีลงทุนเพิ่มเติม 3,000 ล้านบาทขึ้นไป แต่ไม่ถึง 5,000 ล้านบาท จะต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่มีมูลค่าสูงทั้ง 3 ชิ้นเท่านั้น ได้แก่ Traction Motor, Reduction Gear, Inverter
- แต่หากลงทุนเพิ่มเติมตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป สามารถเลือกใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่มีมูลค่าสูง ร่วมกับกลุ่มมูลค่าปานกลางได้ เช่น BMS, DCU, Regenerative Braking System เป็นต้น
1.4. ต้องมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) อย่างน้อย 4 จาก 6 ระบบ ดังนี้ ระบบเบรกฉุกเฉินขั้นสูง, ระบบเตือนการชนด้านหน้า, ระบบดูแลภายในช่องจราจร, ระบบเตือนการออกหรือเปลี่ยนช่องจราจร, ระบบตรวจจับจุดบอด และระบบควบคุมความเร็ว
2. มาตรการสนับสนุนรถยนต์ MHEV ซึ่งเป็นรถยนต์แบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้า โดยมีแรงดันไฟฟ้าในการขับเคลื่อนต่ำกว่า 60 โวลต์ และอาศัยเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์ที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการผลิตในระดับโลก บอร์ดอีวี ได้กำหนดภาษีสรรพสามิตในอัตราคงที่ ตั้งแต่เริ่มใช้โครงสร้างภาษีใหม่ เป็นเวลา 7 ปี (พ.ศ. 2569 – 2575) โดยมีอัตราและเงื่อนไขการลงทุน ดังนี้
2.1 ต้องมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) สูงสุดไม่เกิน 120 g/km
- การปล่อย CO2 ไม่เกิน 100 g/km กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตร้อยละ 10
- การปล่อย CO2 ตั้งแต่ 101 – 120 g/km กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตร้อยละ 12
2.2 ต้องมีการลงทุนในไทยเพิ่มเติม โดยผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทในเครือ ไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567 – 2569 และไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท ระหว่างปี 2567 – 2571
2.3 ต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญที่ผลิตหรือประกอบในประเทศ โดยต้องใช้แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศตั้งแต่ปี 2569 และต้องใช้ชิ้นส่วนสำคัญ ได้แก่ Traction Motor หรือชิ้นส่วนที่มีลักษณะการทำงานเพื่อเสริมแรงขับเคลื่อน ตั้งแต่ปี 2571 เป็นต้นไป
2.4 ต้องมีการติดตั้งระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (ADAS) อย่างน้อย 4 จาก 6 ระบบ เช่นเดียวกับเงื่อนไขของ HEV
----------------------------
รบ.เดินหน้านโยบายเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง ตั้งเป้าลงทุน 5 ปี 5แสนล้าน
เมื่อวานนี้เวลา 13.30 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม , นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม , น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลให้ความสำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างเศรษฐกิจและการพัฒนาอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ ได้รายงานว่านักลงทุนติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ถือเป็นโอกาสดีของประเทศ จึงอยากให้เป็นการดึงดูดนักลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น และคิดว่าน่าจะมีคอนเนคชั่นดีๆ อีกเยอะ และเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพในเรื่องของธุรกิจอนาคตอีกมาก และจากการพูดคุยหลายบริษัททราบว่า คนไทยก็สามารถเพิ่มทักษะได้มากขึ้น และหลายคนสามารถปรับตัวให้เข้ากับอุตสาหกรรมใหม่ๆได้ดี นอกจากจะมีการลงทุนด้านนึ้เข้ามาแล้ว บวกกับการให้คนไทยเพิ่มทักษะ ขอให้มีความพัฒนาควบคู่กันไป ทั้งอุตสาหกรรมใหม่ๆ และศักยภาพของคนไทย
ด้านนายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน แถลงผลการประชุมภายหลังการประชุม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมดังกล่าว รวมถึงรับทราบแผนยุทธศาสตร์ พัฒนาบุคลากรรองรับการลงทุน ตั้งเป้า ระยะ 5 ปี 2568-2572 ดึงเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท เพื่อยกระดับ ไทยสู่ศูนย์กลางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง
โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง โดยเฉพาะการผลิตชิป เป็นอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ที่สำคัญของโลก เติบโตอย่างก้าวกระโดด คาดว่ามูลค่าการตลาดจะขึ้นสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030
ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติ 2 เรื่องสำคัญ คือ จัดทำยุทธศาสตร์ระดับชาติ โดยให้จัดจ้างที่ปรึกษาชั้นนำระดับโลก เพื่อจัดทำยุทธศาสตร์ทั้งในระดับนโยบาย ครอบคลุมถึงระดับปฏิบัติการ จัดทำแผนดึงดูดนักลงทุนรายสำคัญอย่างน้อย 10 บริษัทชั้นนำระดับโลก ให้เข้ามาลงทุน ออกแบบและผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงในไทย และร่วมมือกับประเทศผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง เพื่อเป็นห่วงโซ่อุปทานระดับโลก และเพิ่ม ศักยภาพรอบการแข่งขันของประเทศ
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังเห็นชอบแผนการพัฒนากำลังคน รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยตั้งเป้า ปี 2573 จะต้องผลิตบุคลากร เฉพาะทางและนักวิจัยระดับสูง 84,900 คน ผ่านโครงการอีพสกิลและรีสกิล รวมถึงหลักสูตรการศึกษารูปแบบใหม่เช่น sandbox และโปรแกรมฝึกงานนานาชาติ จัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม 6 แห่งเช่นศูนย์.Wafer Fabrication และศูนย์วิจัยพัฒนา
นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด โดยมีเลขาธิการ BOI เป็นประธาน และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นประธาน โดยให้ดูเรื่องการเตรียมหลักสูตรความพร้อมรองรับพัฒนาแรงงาน และเตรียมสถานที่รองรับอุตสาหกรรม ดูเรื่องระบบสาธารณูปโภคและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นายนฤตม์ ยังกล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2561 ถึงเดือนกันยายน 2567 มีการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมกว่า 1,213 โครงการ มูลค่าการลงทุน 876,328 ล้านบาท โดยในช่วง 2 ปีหลัง มีการลงทุนในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูง แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป จีนไต้หวัน และญี่ปุ่น
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/LT94EC8KM9g
โดย petchpawee_k
5 ธ.ค. 2567
81 views
EP อื่นๆ
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
ส่งออกไทยปีนี้รุ่ง ขยายตัว 5% คาดมูลค่าทะลุแสนล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์
JitrarutP
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
สนามบินสุวรรณภูมิแจกน้องหมีเซอร์ไพรส์คริสต์มาสนทท. โผล่ทักทายบนสายพานรับกระเป๋า
JitrarutP
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
“เณรแอร์” ยืนยัน ลงนะหน้าทองในที่ลับไม่มีจริงในตำรา เตือนสายมูมีสติอย่าหลงเชื่องมงาย
JitrarutP
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567
25 ธ.ค. 2567