‘กฤษอนงค์’ ปฏิเสธรีดเงิน ‘บอสพอล’ อึ้ง! ถูกซ่อนเครื่องดักฟัง มั่นใจ 99.99% เป็นคลิปเสียงประธาน ส.

‘กฤษอนงค์’ ยอมรับเหนือความคาดหมาย ‘บอสพอล’ แอบติดเครื่องอัดเสียง ระบุ ที่แรกห่วงความรู้สึกบอสพอล ตอนนี้มองเราเป็นศัตรูขอตัดขาด “กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด” เสียใจถูกตราหน้าตีกิน 2 ฝ่าย ลั่น! ชี้แจงเส้นเงินได้ เชื่อ 99.9999% เป็นคลิปเสียงประธาน ส.เรียกเงินบอสพอล เจ้าตัวน้ำตาคลอ เผย ส.ทำให้วงการขายตรงบอบช้ำ ใช้อำนาจทางการเมือง แต่ละบริษัททุกคนกลัวหมด

จากกรณีที่พัช หรือ กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้ก่อตั้งองค์การต่อต้านแชร์ลูกโซ่และประธานศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ (ศคอ.) ออกมาปฏิเสธกระแสข่าวว่ามีนักร้องเรียนผู้หญิง ตบทรัพย์ดิไอคอน 10 ล้านบาท โดยเผยว่าตนไม่ทราบว่ามีคลิปออกมาหรือไม่ ยืนยันว่า 10 ล้านบาทไม่มีแน่นอน ถ้ามีตนก็พร้อมชี้แจง มั่นใจว่าไม่เคยพูดประเด็นนี้ เพราะผู้เสียหายมาขอความช่วยเหลือทั้งหมด 89 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 15 ล้านบาท ทางฝ่ายคู่กรณีคือดิไอคอน ขอเจรจาปรับลดต่อรองเหลือ 8 ล้านบาท


วานนี้ (22 ต.ค.) น.ส.กฤษอนงค์ ให้สัมภาษณ์หลังจบรายการโหนกระแส เพิ่มเติมว่าตนเองไม่มีอะไรปิดบัง อะไรเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับ อันไหนใช่ก็บอกว่าใช่ ตนเองพร้อมเจอสถานการณ์ตรงนี้ บทบาทของการทำสาธารณชนก็ต้องมีบทบาทส่วนตัว ส่วนธุรกิจหากมันชิดกันมาก ๆ ก็เลยทับซ้อนกัน เป็นความผิดพลาดของตนเอง เป็นความประมาทของเราเอง เป็นความไว้ใจของเรา


ส่วนที่บอสพอล แอบใช้เครื่องอัดเสียงแอบติดไว้ที่แฮร์พีชกับเป้ากางเกงในและคลิปเสียงยาว 7 ชั่วโมง ยอมรับว่าเหนือความคาดหมายมากๆ ตนเองเจตนาจะช่วย แต่เขากลับทำแบบนี้ ก็อยากให้เป็นบทเรียนของคนที่จะช่วย การช่วยคนอาจไม่ได้ผิด แต่ผิดที่เราช่วยผิดคน ถามว่าโกรธมั้ย วันนี้เขาอยู่ในพื้นที่ที่เราไม่ควรโกรธเขา ให้อภัยดีกว่า อยู่ตรงนั้นเขาก็ทรมานแล้ว การติดคุกเป็นพื้นที่ที่ไม่ควรอยู่อยู่แล้ว รู้สึกว้าวเหมือนกัน ตนไม่ได้ตื่นเต้นในเนื้อหา ด้วยเจตนาตนรู้ว่าพูดอะไร มันอาจจะใกล้เคียงหรือเทียบเคียง หรือเข้าใจได้ว่าเรา “ตบทรัพย์”


น.ส.กฤษอนงค์ ยังระบุว่า เวลาตนเองคุย คุยใน 2 มิติ ตนเป็นที่ปรึกษาฝั่งผู้เสียหายที่ผ่านมาไม่เคยเก็บเงินจากผู้เสียหายเลยย้อนดูประวัติดูได้ และเป็นที่ปรึกษาของบริษัทด้วยประสบการณ์ การแก้ปัญหาไม่ใช่กฎหมายอย่างเดียว ต้องใช้ประสบการณ์ด้วยจะทำอย่างไรให้ธุรกิจของเราอยู่ได้ โดยเฉพาะธุรกิจเครือข่ายขายตรง เป็นอะไรที่ซับซ้อน ปราบเซียน/ ตนมีประสบการณ์เคยเป็นผู้ประกอบการ จึงทำสำนักงานฯ ที่ปรึกษาได้


เมื่อถามว่ากระแสสังคมมองว่ามีแต่ได้กับได้กินทั้ง 2 ฝั่ง น.ส.กฤษอนงค์ ตอบว่า ทำไมไม่มองที่สิ่งที่ตนเสียสละอะไรบ้าง ต้องถามว่าตนเสียอะไรบ้าง ถ้าตนไม่ช่วยใครก็ไม่ต้องมีใครมาด่าแบบนี้ ไม่ต้องมารับกระสุนแบบนี้ก็ได้ อยู่ในเซฟโซนก็ได้ ทำไมต้องออกมาให้กระแสสังคมด่า ทำดีกถูกด่า ท้าไปดูวงการเครือข่ายขายตรงมีใครกล้าออกมายืนตรงนี้กี่คน ตนยืนมา 19 ปี บาดแผลวันนี้เยอะที่สุดแล้ว ตนต้องการปกป้องอาชีพขายตรง ตนอยากทำในสิ่งที่พอทำได้ แต่ถ้าวันนี้สังคมมองว่าการที่ตนยืนอยู่ตรงนี้มันดูไม่ดีมีความนผิดพลาดเยอะ ตนเองอาจจะทบทวนบาบาทตัวเองก็ได้ ไม่โทษคนอื่น โทษตัวเองมากกว่า


ประเด็นเงิน 20% ที่มีการระบุว่าตนเองได้รับจากผู้เสียหายนั้น ยืนยันว่าไม่มี ทุกอย่างมีเอกสารหลักฐาน เขาโอน 30,000 บาท ตนยังไม่รู้เลย ยังตกใจ จำคำพูดไว้ 89 คน (กลุ่มผู้เสียหายดิไอคอน) คือคนในประวัติศาตร์ แล้วย้อนกลับจะมีใครได้เงินคืนจากบริษัทนี้เมื่อไหร่ “คุณให้พัชมาเท่าไหร่ พัชไม่เคยสนใจ เพราะพัชก็กลับคืนไปให้คุณหมดในช่องทางต่าง ๆ ดังนั้นวันนี้ 89 คนนี้คือคนที่ได้รับเงินไปก่อน แล้วดูคนที่แจ้งกว่า 5-6 พันคน จะมีใครได้รับเงินตอนไหน พัชช่วยเพราะอยากช่วยทุกฝ่าย ไม่ได้ช่วยผู้เสียหายอย่างเดียว ปัญหาต้องแก้ต้นเหตุ แต่นี่ปลายเหตุหมดแล้ว”


 “พัชไม่ได้ไปช่วยบอสพอล แต่พัชมองว่ามันมีทางออกที่ดี ทำไมต้องเลือกฝั่งอย่างเดียวซ้ายกับขวาว่ะ ทำไมไม่เลือกตรงกลางบ้างล่ะ ถ้าตนไปคุยกับบอสพอล แบบไม่คุยดีมันจะจ่ายผู้เสียหายมั้ย ต้องเจรจาเท่าทีจะเอาได้ มองสองมุม ไม่มีใครกลัวใครหรอกเขาถึงอัดเทป ตนไม่อัดเทปใครเพราะถ้าไม่ชอบวิธีการแบบไหนตนเองจะไม่ทำ ส่วนเขาทำแบบนี้ก็เป็นแผลไปตลอดชีวิต ก็เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของตน วันนี้ตนอโหสิกรรมให้ ไม่ได้คิดร้ายกับใคร เขาจะผิดหรือไม่ว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย สำหรับตนกับเขาคงจบเวรจบกรรมกัน”


อย่างไรก็ตามสำหรับผู้เสียหาย 89 คน ที่ตนช่วยเหลือนั้น ทำในนามศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่าย-ออนไลน์ (ศคอ.) 20% เป็นข้อตกลงของผู้เสียหายกันเอง  เขาบอกคุณพัช ทำให้เขา (ผู้เสียหาย) ได้เงินที่เขาไม่ต้องลงทุน เขาถามจะช่วยสนับสนุนยังไง ตนมีกองทุนฯ จึงให้ช่วยสนับสนุนกองทุน ยืนยันตนไม่เคยเรียกเงินจากผู้เสียหาย เงินที่ผู้เสียหายให้กองทุนฯ ตนมองว่าเป็นเงินบุญ แล้วก็นำเงินกองทุนมาช่วยกลุ่มผู้เสียหาย


ยันยัน 20% ไม่เคยพูดออกจากปากเลย เขาพูดกันเอง มีผู้เสียหายคนหนึ่งมาขอเงินคืน ตนคืนไปแล้ว 20,000 บาท  (ผู้เสียหาย 89 คน  จ่ายมา 20 คน คืนไปแล้ว 1 คน)


ส่วนที่ปรากฎภาพมีการรับเงิน 600,000 บาทจากบอสปันและบอสพอล นั้น น.ส.กฤษอนงค์ ตอบว่า ตนไม่ได้รับจากมือ ทีมงานเป็นคนรับ ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลว่าเงิน 600,000 ใช้อะไรไปบ้าง เหลือเหล่าไหร่ ตนคิดว่าคงต้องนำเงินก้อนนี้ไปคืนจะสบายใจที่สุด เพราะเงินก้อนนี้ความตั้งใจที่คุยกันกันคือธุรกิจ เขาให้เราทำงานเป็นค่าดำเนินการ วางแผนทีมเซตรูปแบบการทำงาน เขาเสนอมาเอง ตนไม่ได้บอกต้องเอาเงินมาให้ ตอนนั้นเรื่องยังไม่เกิด ทั้งนี้ตนไม่ได้คิดเลยว่าจะถูกแบล็กเมล ถ้าคิดคงต้องระวัง


เมื่อถามว่าครั้งแรกที่บอสพอล กับคุณธเนศ ไปพบคุณพัช นั้นพูดคุยอะไรกันบ้าง  น.ส.กฤษอนงค์ ตอบว่า เจอกันนาน 10 ปี จำไม่ได้คุยอะไรกัน หลังจากที่บอสพอล เปิดบริษัทก็ไม่เคายติดต่อกันเลย กระทั่งเกิดเรื่องมีผู้เสียหายดิไอคอน มาร้องที่ตน ตนได้ติดต่อไปหาบอสพอล  หลังจากนั้นห่างไป 3 เดือน บอสพอล ติดต่อมาหาตนว่า “พี่ช่วยหน่อย ขอคำแนะนำหน่อยผมต้องทำยังไง”  น.ส.กฤษอนงค์ ยังได้ขอโทษกรณีที่มีการถูกกล่าวหาเรียกเงิน 10 ล้านบาท เป็นการเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน ยืนยันไม่เคยรู้จักเบื้องหลังบอสพอล


น.ส.กฤษอนงค์ ยังกล่าวอีกว่า ตนเองอยากอยู่ฝั่งผู้เสียหายอีกแล้ว แต่เลือกที่จะไปเจรจากับบริษัท ถ้าตนไม่รู้จักบอสพอล ก็ไม่มีเส้นในการเจรจา ซึ่งตนมีหนังสือข้อตกลงจากผู้เสียหายไปยังบอสพอล 3 ข้อ แต่บอสพอล บอกรับไม่ได้ จ่ายไม่ได้ การรู้จักไม่ได้บอกจะต้องเข้าข้างบอสพอล ตนเองอยู่ตรงกลาง อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง เห็นปัญหาทั้ง 2 ฝั่ง ตนอยากให้จบทั้ง 2 ฝั่ง ไม่มีใครอยากเห็นใครติดคุก สังคมจะคิดยังไงแล้วแต่ผิดว่าไปตามผิด ตนทำตามใจผู้เสียหาย  การเป็นฝ่ายเจรจาต้องยึดความรู้สึกของผู้เสียหาย ทำตามใจตัวเองไม่ได้


“ไม่กังวลว่าในโทรศัพท์ของบอสพอล จะมีคลิปเสียงหรือหลักฐานอะไรที่โยงถึงตน ตนสามารถชี้แจงได้ ตนเองยืนอยู่ในจุดของตน บอสพอลจะทำอะไรกับตนอยู่ที่เขา ส่วนเจตนารมย์ของตนคืออะไรก็ต้องชี้แจง ไม่กังวลจะโดนหางเลข ต้องเคารพกฎหมาย ไม่หนักใจเรื่องเส้นเงิน ยืนยัน 10 ล้านบาทไม่มี ตนมีเส้นเงินแคนี้ที่สามารถชี้แจงได้”


ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้จักท่านประธาน ส. หรือไม่ น.ส.กฤษอนงค์ น้ำตาคลอกล่าวว่า รู้จัก ส่วนคลิปเสียงที่ระบุว่าเป็นเสียงของของประธาน ส. นั้น 99.9999 เปอร์เซ็นต์ เชื่อเป็นเสียงประธาน ส. กล้าไปเป็นพยาน พร้อมระบุว่า “เพราะเขามีพฤติกรรมแบบนี้ วันนี้ตนจึงต้องติดชนักหลังกับมัน ตนเองถึงมานั่งเคลียร์ปัญหาทุกวันนี้ มันทำให้วงการขายตรงบอบช้ำมาก มันใช้อำนาจทางการเมือง แต่ละบริษัททุกคนกลัวมันหมด สังคมก็มองพัชกับมันเป็นของคู่กัน เราให้โอกาสคน ในวันหนึ่งที่เขามีความสามารถ แต่พอมันเติบโตมา ราวกับมันเป็นเป็นพวกเดียวกัน หนูไม่โอเค ไม่อยากอะไรเขาแล้ว เพียงอยากให้แยกเขากับหนูคนละคน ไม่เคยคุยกันมาเป็น 10 ปี มันมีเรื่องเงินมาเกี่ยว เขาเดินเส้นทางที่เห็นกันอยู่  มั่นใจบอสพอลโดนเรียกเงินจริง พัชไม่ให้ราคาประธาน ส. เขาเป็นไฮเปอร์เซ็ตภาพทุกอย่างให้ดูมีพลัง น่ากลัว ตนคงไม่แฉเขา ขอดูแลตัวเองก่อน ทุกคนกล่าวหาได้ว่าตนเป็นนักตบทรัพย์แต่เวลาจะเป็นเครื่องตัดสิน”


นอกจากนี้ น.ส. กฤษอนงค์ จ่อฟ้องทนายคนหนึ่ง ที่กล่าวหาว่ตนเองเรียกดเงิน 10 ล้านบาท จากบอสพอล  ซึ่งไม่มีอยู่จริง ทำให้ตนเสียชื่อเสียง ประเด็น 10 ล้านบาท ทำให้ตนต้องมายืนตรงนี้ อื่นๆ ตนชี้แจงได้หมด ตนต้องรักษาสิทธิตัวเองเพราะทุกคนเข้าใจผิดว่าตนเองตบทรัพย์ 10 ล้านบาท ไม่กังวลเรืองหลักฐาน และฟ้องอีก 1 คน ที่พูดว่าตนเป็นเป็นพวกเดียวกับ ส.รู้ทุกเรื่อง เสียใจที่มาตีตนว่าเป็นนางมาร ยังไม่ขอเปิดเผย  ถ้าอโหสิได้จะอโหสิให้มันจบที่เรา ในส่วนของทนายที่กล่าวหาตน หาไม่ฟ้องก็เท่ากับว่าตนเองยอมรับว่าตบทรัพย์ 10 ล้านบาทจริง  

ช่วงท้าย น.ส. กฤษอนงค์ พูดถึงบอสพอล ว่าไม่อยากไปเยี่ยมแล้ว ตอนแรกมีความรู้สึกว่าเขาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้เขาคงไม่ได้มองว่าเราเป็นเพื่อนหรือเป็นคนรู้จัก มองเราเป็นศัตรู ก็ไม่จำไปต้องไปในพื้นที่ที่เขาอยู่ตรงนั้น ในใจตัดขาด ข้างนอกก็ว่ากันไป ตนเองได้บทเรียนที่ล้ำค่าที่สุด ความไว้ใจที่เราให้ไปก็เป็นสิ่งที่เราต้องมาแก้ “กฎแห่งกรรมยุติธรรมที่สุด สิ่งที่เกิดขึ้นมันดีที่สุดสำหรับทุกคนแล้ว”



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/tXtubOVuDUM

โดย petchpawee_k

23 ต.ค. 2567

27 views

EP อื่นๆ