ราชทัณฑ์ แจง 6 ประเด็น ยัน "อดีต ผกก.โจ้" ไม่ได้ถูกทำร้ายดับ ล่าสุดสั่งย้าย รองหัวหน้าคุมแดน 7 จนกว่าความจริงจะกระจ่าง

ภาพจากก้องวงจรปิด ที่ทางกรมราชทัณฑ์ นำมาเปิดเผย หลังจากที่ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ แขวนคอเสียชีวิต ภายในห้องขังหมายเลข 50 ตึกนอนแดน 5 เรือนจำกลางคลองเปรม โดยกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่า ช่วงเวลา 15.04 น. เจ้าหน้าที่ได้เปิดประตูห้องขังให้ อดีตผู้กำกับโจ้ เข้าไปด้านใน จากนั้น ก็มีเจ้าหน้าที่ เวียนไปตรวจสอบ ทุกชั่วโมง คือ 17.28 น. / 18.45 น. / 19.26 น. / 20.04 น. จนกระทั่ง 20.32 น. เจ้าหน้าที่จะต้องนำยาไปให้แต่กลับพบว่าอดีตผู้กำกับโจ้ ได้ใช้ผ้าชนหนูแขวนคอเสียชีวิต



ด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่เดินทางไปยังเรือนจำคลองเปรมในช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 8 ได้ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และได้บอกว่า อดีตผู้กำกับโจ้ใช้ผ้าขนหนู ผูกกับลูกกรงประตู เสียชีวิตด้ายท่านั่งหย่อนก้น เหยียดขาตรง



เช่นเดียวกับนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายเผด็จ หริ่งรอด ผอ.ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำกลางคลองเปรม บอกว่าอดีตผู้กำกับโจ้ก่อเหตุเป็นช่วงเวลานอน ที่อยู่ในห้องปิดทึบ และอยู่เพียงคนเดียว จึงไม่มีใครเห็น โดยเหตุผลที่ต้องอยู่ห้องขังแยกเพียงผู้เดียว เนื่องจากผู้ต้องขังร้องขอเอง ไม่ได้มีการจับขังเดี่ยวตามที่หลายคนเข้าใจ สวนที่ผู้กำกับโจ้จะต้องรับว่า เพราะว่า มีอากรวิตกกังวล ซึ่งมีการพาไปรักษาแล้ว และก่อนหน้านี้ได้ประเมินแล้วไม่พบว่าจะมีพฤติกรรมก่อเหตุลักษณะนี้



ขณะที่ นายเผด็จ บอกว่า อดีตผู้กำกับโจ้ทำเรื่องขอไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อจะแยกขังเดี่ยวมาเป็นเวลา 2 เดือน หลังจากที่มีปัญหาปากเสียงกับเพื่อนร่วมห้องขัง โดยได้ถูกย้ายจากแดน 7 ไปแดน 5 ส่วนการมีปัญหากับเจ้าหน้าที่นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบภายในเรือนจำ



ส่วนที่ญาติผู้กำกับโจ้ไปแจ้งความอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทำร้าย โดยนำเอกสารจากทางทัณฑสถานรพ.ราชทัณฑ์ ที่ได้มีการออกใบรับรองแพทย์ว่า มีบาดแผลฟกช้ำบริเวณซี่โครงด้านซ้าย ที่แพทย์ให้ความเห็นเป็นการถูกของแข็งไม่มีคม แต่จะเกิดจากการกระทำของเพื่อนร่วมห้องขังหรือผู้คุมนั้น ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ ในส่วนนี้ก็เป็นสิทธิของญาติที่สามารถไปแจ้งความได้ ซึ่งส่วนนี้ต้องรอทางพนักงานสอบสวนพิสูจน์



จากนั้นทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้นำร่างของอดีตผู้กำกับโจ้ ไปชันสูตรที่นิติเวชสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จังหวัดปทุมธานี



ส่วนแม่ของอดีตผู้กำกับโจ้ ได้เขียนคำร้องส่งถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เนื้อหาในเอกสาร มีใจความว่า ลูกชายถูกกลั่นแกล้ง และใช้ความรุนแรงโดยเจ้าหน้าที่ควบคุมรายหนึ่ง ตั้งแต่ปลายปี 67 หลังบอกให้นักโทษรายหนึ่งไปสูบบุหรี่ไกลจากห้องนอนตัวเอง ก่อนจะถูกนักโทษรายนี้พูดจาใส่ร้ายข่มขู่ จนผู้กำกับโจ้ถูกผู้คุมต่อว่า โดยเฉพาะผู้คุมที่ชื่อว่า นายสิทธิพร กลั่นแกล้งหลายอย่าง ทั้งด่าด้วยถ้อยคำรุนแรงในห้องส่วนตัว รื้อค้นสิ่งของส่วนตัว ยึดเอกสารสำคัญทางคดีที่ต้องใช้ในการขึ้นศาล ยึดพัดลมที่ขอนำเข้ามาอย่างถูกต้อง เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจเต้นผิดปกติ และแพทย์ระบุให้หลีกเลี่ยงอากาศร้อน และยึดแว่นตาดำที่แพทย์ให้ใส่ป้องกันแสง หลังเกิดอุบัติเหตุที่ดวงตา



พอช่วงเดือนมกราคม 68 ก็ถูกผู้คุมรายนี้ ทำร้ายร่างกาย มีรอยช้ำ แต่ผู้กำกับโจ้กลับถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า มีพฤติกรรมกระด้างกระเดื่อง จนถูกย้ายไปแดน 5 และถูกขังซอย จึงร้องเรียนให้ตรวจสอบพฤติกรรมของผู้คุมรายนี้ และแยกผู้กำกับโจ้ไปคุมขังในแดนที่ปลอดภัย พร้อมกับแนบใบรับรองแพทย์ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 68 ที่แพทย์ระบุว่า มีอาการกดเจ็บบริเวณชายโครงซ้าย จากการกระแทกของแข็งไม่มีคม และพบแผลฟกช้ำเป็นวงเรียงต่อกันเป็นแนว ใต้ราวนมซ้าย



เช่นเดียวกันกับน้องสาว และแฟนสาว เปิดเผยหลังนำร่างมาชันสูตรว่า เป็นไปตามที่เขียนคำร้อง ก่อนเล่าว่า เวลาเข้าไปเยี่ยม พบว่าร่างกายผู้กำกับโจ้ทรุดโทรม จากการถูกขังเดี่ยว ไม่ได้รับสารอาหารตามโภชนาการ และเคยร้องขอนมกับขนมปัง เพราะไม่ทานเผ็ด แต่ไม่ได้รับการอนุญาต



และที่ไปเยี่ยมล่าวสุด ผู้กำกับโจ้ยังนั่งนับวันที่จะได้ออกไป ก่อนบอกว่าเจอกันอาทิตย์หน้า และทิ้งท้ายว่า "เขาจะสู้" ยอมรับครอบครัวติดใจ เพราะทราบมาว่า มีนักโทษที่โดนกลั่นแกล้ง จนฆ่าตัวตาย 5 คนแล้ว



และที่เข้าไปดูที่เกิดเหตุ ก็สังเกตเห็นรอยแดงที่ข้อมือ และเลือดที่พื้น ซึ่งไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร และเมื่อดูกล้อง พบว่าไม่มีการช่วยเหลือพาออกจากห้องขัง ซึ่งขัดกับที่แจ้งญาติเมื่อคืนว่า ผู้กำกับโจ้อยู่ที่โรงพยาบาลกับหมอ



หลังจากที่ส่งร่างของอดีตผู้กำกับโจ้ไปยัง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ที่เดียวกันก็มีการประชุม ของ คณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยมีตัวแทนทั้งฝ่ายตำรวจ อัยการ ฝ่ายปกครอง DSI และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ มาร่วมประชุมเพื่อร่วมกันสังเกตการณ์และดำเนินการสอบสวนกรณีการเสียชีวิต



เมื่อชันสูตรออกมาว่า อดีตผู้กำกับโจ้ ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ ทำให้เกิดคำถามว่า ผ้าขนหนูของเรือนจำยาวขนาดไหนถึงใช้ผูกคอได้ และการขังในห้องมืดเป็นการลงโทษหรือไม่ ล่าสุดกรมราชทัณฑ์ออกมาชี้แจงใน 6 ประเด็น



กรมราชทัณฑ์ออกแถลงการณ์ชี้แจงเมื่อช่วง 1 ทุ่มวานนี้ (9มี.ค.68) ประเด็นที่ 1 เกี่ยวกับอาการป่วยของอดีตผู้กำกับโจ้ นอกจากมีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาสม่ำเสมอแล้ว ยังเคยปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเรื่องปัญหาการนอน ความวิตกกังวลเรื่องของคดีความ และการดำเนินชีวิตในเรือนจำด้วย



2. ประเด็นปัญหาการกระทบกระทั่งกับเจ้าพนักงานเรือนจำ โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 อดีตผู้กำกับโจ้เอากล้องเรือนจำไปถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานเรือนจำจึงยึดคืน แต่อดีตผู้กำกับโจ้ไม่คืนให้ จนเกิดการโต้เถียงกัน แต่ไม่มีการทำร้ายร่างกาย



3. ประเด็นเรื่องขังเดี่ยว ราชทัณฑ์ชี้แจงว่า ปกติห้องขังของอดีตผู้กำกับโจ้จะมีผู้ต้องอยู่รวมกัน 4-5 คน แต่เพื่ออดีตผู้กำกับโจ้จะได้ไม่ต้องแออัดกับผู้ต้องขังอื่นจึงแยกมาให้อยู่คนเดียว และเป็นห้องที่ใช้คุมขังช่วงเวลากลางคืนเท่านั้น กลางวันก็ออกไปทำกิจกรรมได้ตามปกติ ยืนยันไม่ใช่การบังคับโทษขังเดี่ยว



ส่วนห้องขังมีขนาดพื้นที่ 8.74 ตารางเมตร ซึ่งภายในประกอบด้วยพื้นที่นอน พื้นที่อาบน้ำ สุขา พัดลมดูดอากาศ พัดลมเพดาน มีไฟส่องสว่าง จึงไม่ใช่เป็นการคุมขังเพื่อให้เกิดการทรมานตามที่สื่อมวลชนกล่าวอ้าง



4. ประเด็นเรื่องการร้องเรียนว่าถูกกลั่นแกล้ง และถูกทำร้ายร่างกาย เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 หลังเกิดเหตุได้ส่งตัวอดีตผู้กำกับโจ้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ถึง 2 ครั้ง คือ วันที่ 12 และ 16 มกราคม 2568 ซึ่งแพทย์ไม่ได้ระบุ รอยฟกช้ำเกิดจากการทำร้ายร่างกาย ตามที่สื่อมวลชนเสนอข่าว และผู้บัญชาการเรือนจำได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ต่อมาอดีตผู้กำกับโจ้ ไม่ประสงค์จะให้ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนต่อ จึงขอให้ยุติเรื่องพร้อมลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งไม่ได้เกิดจากการบังคับ



5. ประเด็นเรื่องอาหารไม่ถูกสุขลักษณะ บางวันไม่มีเนื้อสัตว์ เรื่องนี้ทางกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า กองบริการทางการแพทย์ และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เรือนจำ จะกำหนดเมนูอาหาร สารอาหาร และพลังงานที่ผู้ต้องขังจะได้รับ คุณภาพวัตถุดิบ และการตรวจสอบอาหารอยู่แล้ว แต่ละเดือนจะมีป้ายขึ้นรายการอาหารไว้ล่วงหน้า แต่แจกจ่ายอย่างเท่าเทียม



6. เรื่องผ้าขนหนูที่ใช้ผูกคอ เป็นผ้าขนหนูที่ทางราชทัณฑ์แจกให้กับทุกเรือนจำถ้าเป็น ของผู้ชาย มีขนาดความกว้าง 23 นิ้ว (59 เซนติเมตร) ความยาว 44 นิ้ว (112 เซนติเมตร) สีน้ำตาลเข้ม ถ้าเป็นของผู้หญิง มีขนาดความกว้าง 22 นิ้ว (56 เซนติเมตร) ความยาว 47 นิ้ว (120 เซนติเมตร) สีฟ้า



ท้ายแถลงการณ์กรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า ไม่มีเจ้าพนักงานเรือนจำ หรือผู้ต้องขังรายใดทำร้ายหรือทำให้อดีตผู้กำกับโจ้ถึงแก่ความตาย โดยเรือนจำได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่ช่วงผู้ต้องขังเดินเข้าห้องขังตั้งแต่เวลา บ่าย 3 โมง 4 นาที ถึงเวลา 2 ทุ่ม 25 นาที ปรากฏว่า ไม่มีสิ่งผิดปกติและไม่มีผู้ใดเข้าไปในห้องคุมขังอย่างชัดเจน




รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/HPUxec1qdgs

โดย panwilai_c

10 มี.ค. 2568

227 views

EP อื่นๆ