รร.นายร้อยแจง นักเรียนถูกครูทำอนาจารจริง สั่งสอบ-เตรียมปลดพ้นอาจารย์

รอง ผบช.แจงเหตุอาจารย์และเพื่อนตำรวจละเมิดทางเพศลูกศิษย์เกิดขึ้นจริง สั่งสอบข้อเท็จจริงแล้ว เตรียมปลดพ้นอาจารย์ รับไม่ได้ทำภาพลักษณ์องค์กรเสียหาย พบประวัติมีเหยื่อถูกข่มขู่หลายราย เคยตักเตือนแต่ไม่เลิก

พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ หรือ รอง ผบช. รร.นายร้อยตำรวจ ชี้แจงกรณีเพจดังแฉพฤติกรรมอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และเพื่อนตำรวจ กระทำล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์รายหนึ่งว่า ทราบเรื่องตั้งแต่วันเกิดเหตุโดยเป็นเรื่องที่เด็กนักเรียนไปปรึกษาตำรวจระดับผู้หมวด ซึ่งได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว เบื้องต้น มีเด็กนักเรียนชั้นปีที่ 1 ถูกกระทำ 2 คน อ้างว่าเกรงใจรุ่นพี่ ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจ 1 และอีกคนเป็นคนนอก อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ยังไม่ได้ยืนยันแน่ชัดว่าเป็นบุคคลใดและเป็นเพื่อนตำรวจจริงหรือไม่ แต่ย้ำว่าเรื่องนี้อยู่ที่เจตนาของเด็กนักเรียนทั้งสองว่าจะเอาเรื่องหรือไม่ เพราะบรรลุนิติภาวะแล้ว โดยเด็กขอปรึกษาผู้ปกครองก่อน ซึ่งคดีอนาจารเป็นความผิดที่ยอมความกันได้ และเด็กสองคนที่ถูกกระทำบรรลุนิติภาวะแล้ว จึงให้ตัดสินใจเองว่าจะเอาเรื่องหรือไม่เอาเรื่อง หากตัดสินใจเอาเรื่องก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนคนที่กระทำหากตรวจพบว่าเป็นอาจารย์จริงก็ต้องถูกถอดถอนเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง ยอมรับว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจและองค์กรตำรวจ

พล.ต.ต.ศักดิ์รพี กล่าวว่า กรณีดังกล่าวหากเด็กดำเนินคดี หรือดำเนินคดีไปแล้วมีการยอมความกัน ก็จะต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและต้องงดเว้นการปฎิบัติหน้าที่หรือถอดถอนการเป็นอาจารย์ ซึ่งการทำอนาจารเด็กเป็นเรื่องส่วนตัวและอ้างว่าเด็กรู้จัก ขณะที่เด็กนักเรียนบอกว่าเห็นเป็นรุ่นพี่ด้วยความเกรงใจจึงยอมทำตาม เบื้องต้นมอบหมายให้ พล.ต.ต.จิรชาติ เจริญศรี ผู้บังคับการปกครอง โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ดำเนินการเรียกทั้งสองฝ่ายมาสอบถามโดยและมอบแนวทางการทำงานแล้ว ย้ำว่าใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด

ส่วนที่ช่วงนี้มีข่าวฉาวของอาจารย์โรงเรียนนายร้อยตำรวจบ่อยนั้น ทางโรงเรียนได้ประชุมสั่งการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องตลอด เพราะเป็นเรื่องที่ป้องกันได้แต่ห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ โดยเฉพาะสมัยนี้สังคมเปิดกว้างและ LGBTQ+ ก็เป็นที่ยอมรับในสังคม แต่การกระทำที่เปิดเผยมากเกินไปและมีการกระทำกันในรั้วโรงเรียนสถาบันหลักต้นแบบของตำรวจ เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ ตนเองในฐานะที่เป็นตำรวจและเติบโตมาจากการทำงาน ไม่ใช่นักวิ่งเต้น ไปอยู่ที่ไหนก็ตั้งใจทำงานพยายามกวดขันวินัย อยากเห็นองค์กรเดินให้ตรงทาง อยากให้ทุกคนรู้หน้าที่และปฎิบัติหน้าที่ได้ทุกตำแหน่งตามที่ได้รับมอบหมาย กรณีที่เกิดขึ้นก็ต้องแก้ไขไม่มีความจำเป็นต้องปกปิดหรือซุกไว้ใต้พรม เพราะสุดทายแล้วความจริงก็ต้องเปิดเผยและจะยิ่งส่งผลเสียต่อองค์กร

ทั้งนี้ มีรายงานว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีผู้ก่อเหตุเป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ต. อักษรย่อ ม.ม้า ในฐานะที่เป็นอาจารย์ กับนายตำรวจยศ พ.ต.ต. อักษรต่อ ต.เต่า ตำแหน่ง พนักงานสอบสวนพื้นที่นครบาล ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนนายร้อยรุ่นเดียวกัน โดยมีรายงานว่าตำรวจทั้งสองนายได้ใช้ความเป็นรุ่นพี่ที่มีทั้งชั้นยศและมีค่านิยมปลูกฝังกันมาว่ารุ่นน้องต้องกลัวรุ่นพี่ ทำให้เกิดความเกรงกลัวและปฎิบัติตามทั้งที่เป็นคำสั่งที่ผิดทั้งวินัยและอาญา โดยมีนักเรียน ตกเป็นเหยื่อหลายนาย และก่อนหน้านี้ผู้บังคับบัญชามีการเรียกไปตักเตือนแต่ยังไม่เลิกพฤติกรรม ทำให้หวาดเกรงต่อนักเรียนจำนวนมาก แต่ต้องยอมรับว่าเพศสภาพ LGBTQ+ เป็นที่ยอมรับและมีกฎหมายยอมรับ แต่เรื่องความไม่เหมาะสมและวินัย อีกทั้งเป็นสถานที่สร้างตำรวจกลับต้องมาเป็นสถานที่หวาดกลัวกับต้นแบบตำรวจ

ขณะทีมข่าวลงพื้นที่โรงพักนครบาลแห่งหนึ่งและจากการสอบถามเพื่อนตำรวจเกี่ยวกับนายตำรวจคนดังกล่าวทราบว่าเป็นสารวัตรที่นี่จริง เป็นคนนิสัยดีหน้าตาดี สะอาดเรียบร้อย แต่มีพฤติกรรมชอบจับก้นและหน้าอกเพื่อนตำรวจด้วยกันมานานแล้ว อีกทั้งเมื่อตรวจสอบข้อมูลตามโซเชียลที่ระบุใช้รถมาสด้าสีแดงและเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 66 ก็ไม่มีใครแล้วนอกจากเขาคนเดียว แต่ไม่เห็นหน้าหลายวันแล้ว



โดย chutikan_o

20 พ.ย. 2567

542 views

EP อื่นๆ