ชาวอเมริกันเสียงแตก! 'ทรัมป์ - แฮร์ริส' ใครสามารถจัดการปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่ากัน

ผลการสำรวจใหม่เผย ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ ยังคงเสียงแตกว่าระหว่างรองประธานาธิบดี 'คามาลา แฮร์ริส' จากพรรคเดโมแครต และอดีตประธานาธิบดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' จากพรรครีพับลิกัน ใครสามารถจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจได้ดีกว่ากัน

ปัญหาเศรษฐกิจถือเป็นอีกหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ชาวอเมริกันให้ความสนใจ สำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในครั้งนี้ ซึ่งผลการสำรวจล่าสุดจากสำนักข่าวเอพีและศูนย์วิจัยความคิดเห็นสาธารณะ (NORC) ระบุว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ยังคงตกต่ำ โดยประมาณ 7 ใน 10 บอกว่าประเทศกำลังเดินไปในทิศทางที่ผิด

ผู้ตอบแบบสำรวจคนหนึ่งที่เป็นหญิงชาวฟิลาเดลเฟียวัย 59 ปี และเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอิสระที่ไม่สนับสนุนผู้สมัครคนใดเป็นพิเศษบอกว่า เธอยังไม่ไว้ใจอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเรื่องเศรษฐกิจ เพราะเขามีนโยบายลดหย่อนภาษีให้แก่พวกพ้องของเขา เช่น อีลอน มัสก์

การสำรวจดังกล่าวซึ่งจัดทำขึ้นในเดือนกันยายน ระบุว่า ทั้งแฮร์ริสและทรัมป์ยังไม่มีใครได้เปรียบกันอย่างชัดเจนในเรื่องการจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจและการจ้างงาน

อย่างไรก็ดี การสำรวจนี้ได้ตั้งคำถามที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมองว่าใครจัดการกับค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย, การจ้างงานและการว่างงาน, ภาษีชนชั้นกลาง, ค่าอาหารและน้ำมัน, และภาษีศุลกากรได้ดีกว่ากัน ระหว่างแฮร์ริสกับทรัมป์

ผลปรากฏว่า 46% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งยกให้แฮร์ริสในเรื่องของภาษีชนชั้นกลางขณะที่ทรัมป์ได้รับ 35% นอกจากนี้ แฮร์ริสยังได้เปรียบเล็กน้อยในเรื่องการจัดการเรื่องค่าที่อยู่อาศัย ส่วนเรื่องราคาสินค้าในชีวิตประจำวัน เช่น อาหารและน้ำมัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งคงเสียงแตก ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่มีผู้สมัครคนใดเหนือกว่ากันในเรื่องการจ้างงานและการว่างงาน

ขณะเดียวกัน ผู้มีสิทธิลงคะแนนมีแนวโน้มชอบทรัมป์มากกว่าแฮร์ริสเล็กน้อยในเรื่องภาษีศุลกากร หนึ่งในผู้ตอบแบบสำรวจวัย 36 ปี จากเมืองฮาลิแฟกซ์ รัฐเวอร์จิเนียระบุว่า เธอไว้วางใจทรัมป์กับพรรครีพับลิกันมากกว่าในเรื่องเศรษฐกิจ

ส่วนความเคลื่อนไหวล่าสุดของผู้สมัครทั้ง 2 คน ก็ยังคงเร่งเครื่องหาเสียงอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้ เหลือเวลาให้พวกเขาหาเสียงอีกแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ก่อนถึงวันเลือกตั้งตัดสินในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

เมื่อวานนี้ แฮร์ริสได้ขึ้นเวทีหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย หนึ่งในรัฐสมรภูมิที่จะเป็นตัวตัดสินผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ร่วมกับนางลิซ ชีนีย์ (Liz Cheney) อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เคยอยู่ภายใต้สังกัดพรรครีพับลิกัน

แฮร์ริสพยายามโน้มน้าวใจกลุ่มสตรีสายอนุรักษ์นิยมในรัฐสมรภูมิ 3 รัฐที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคมิดเวสต์ด้วยการบอกว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เป็นภัยคุกคามต่อสิทธิการทำแท้ง, ความมั่นคงของชาติ, และประชาธิปไตย

รองประธานาธิบดีแฮร์ริสยังพูดโจมตีทรัมป์เรื่องความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งด้วย โดยบอกว่าทรัมป์เป็นพวก “ไม่มั่นคง” หรือ “ไม่สมประกอบ” และตั้งคำถามถึงอุปนิสัยส่วนตัวของเขา นอกจากนี้ เธอยังกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์เป็นคนไม่เอาจริงเอาจังในหลาย ๆ เรื่อง และผลกระทบที่ตามมาจากการเป็นประธานาธิบดีของเขานั้นร้ายแรงมาก

ส่วนทางทรัมป์ เมื่อวานนี้ ลงพื้นที่หาเสียงที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา อีกหนึ่งในรัฐสมรภูมิที่มีการแข่งขันสูงมาก และรัฐนี้ก็เคยได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุเฮอร์ริเคนเฮลีน โดยทรัมป์ได้กล่าวปราศรัยด้วยการเรียกร้องให้ผู้สนับสนุนในเขตภูเขาที่ถูกพายุเฮอร์ริเคนพัดถล่ม ออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งแม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก

ทรัมป์ยังวิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานจัดการเหตุฉุกเฉิน หรือ ฟีม่า (FEMA) และยังให้คำมั่นสัญญาว่าหากเขาชนะการเลือกตั้ง เขาจะสั่งตั้งหน่วยงานใหม่เข้ามาดูแลความพยายามในการฟื้นฟูความเสียหายจากเฮอร์ริเคนเฮลีนในรัฐนอร์ทแคโรไลนาเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังพูดถึงเรื่องการความพยายามในการลอบสังหารเขาด้วย โดยบอกว่าที่เขารอดชีวิตมาได้ เพราะได้รับการช่วยเหลือจาก “พลังเหนือธรรมชาติ” และเขาก็คิดว่าพระเจ้าพยายามช่วยเขาไว้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง นั่นคือการทำให้สหรัฐอเมริกายิ่งใหญ่กว่าที่เคยมีมา


โดย paweena_c

22 ต.ค. 2567

51 views

EP อื่นๆ