บันเทิง

‘มิน พีชญา’ เปิดใจทั้งน้ำตาปม ‘ดิไอคอน’ ยันไม่ใช่หุ้นส่วน เป็นแค่ ‘พรีเซ็นเตอร์-พีอาร์’ ปัดรับเงิน 100 ล้าน

โดย petchpawee_k

12 ต.ค. 2567

44 views

“มิน พีชญา” เปิดใจทั้งน้ำตาขอยุติสัญญากับดิไอคอนกรุ๊ป แจงไม่เคยรับรู้มีประชาชนเดือดร้อน พร้อมขอโทษประชาชน

วานนี้ ( 11 ต.ค.67)  “มิน พีชญา” นักแสดงสาว เปิดใจทั้งน้ำตาแถลงข่าว กรณีเป็นหนึ่งในบอสดาราที่มีตำแหน่งบริหารในบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า “มิน” ดำรงตำแหน่ง Chief Communication Officer (CCO) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร


โดยนักแสดงสาวมาแถลงข่าวร่วมกับผู้จัดการส่วน “เอส อนุสิทธิ์” พร้อมด้วย “ทนายชูชาติ กันภัย” และ “ทนายนงลักษณ์ แตงเจริญ”  โดย “มิน” อยู่ในอาการสีหน้าค่อนข้างเครียด พร้อมเปิดใจว่า ก่อนอื่นอยากแสดงความเสียใจกับผู้เสียหาย ซึ่งตนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากเกิดเรื่องก็อยากออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งหลายวันแล้ว แต่ทุกอย่างก็พร้อมในวันนี้


มินบอกว่าตนเองอยู่ในบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ในฐานะทั้งพรีเซนเตอร์ และเป็นผู้รับจ้างในฐานะผู้บริหารฝ่ายสื่อสารองค์กร หรือภาษาที่เข้าใจง่ายๆ ก็คือ พีอาร์ นี่คือบริบทที่ตนเองได้รับจ้าง มีตัวสัญญากฎหมายชัดเจน ส่วนคนข้างในบริษัทเขาจะเรียกตนเองว่า บอส ซึ่งเป็นคำที่เค้าใช้เรียกกันเอง เพราะเค้าอยากให้เกียรติ


มินบอกว่าการทำงานทั้งในตำแหน่งพีอาร์และตำแหน่งพรีเซนเตอร์ ได้ค่าตัวเท่ากับค่าตัวพรีเซนเตอร์ปกติทั่วไป ไม่ได้ค่าคอมมิชชั่น แต่จะได้รับเงินพิเศษซึ่งก็ขึ้นอยู่กับคอนเทนท์ที่ทำในแต่ละเดือน ซึ่งก็จะได้ไม่เท่ากัน ยืนยันว่าไม่เคยได้เงิน 100 ล้าน หรือหลายสิบล้านอย่างที่ทุกคนเข้าใจ โดยหน้าที่ของ “มิน” คือมีหน้าที่ในการพรีเซ้นส์ Product ซึ่งก็คือการเป็นพรีเซนเตอร์ และการพีอาร์ คือพีอาร์ผลิตภัณฑ์ของบริษัทตามงานต่างๆ ที่บริษัทแจ้งมา ไม่ได้เข้าบริษัททุกวัน  “มิน” เผยว่าเพิ่งมาร่วมงานกับทางดิไอคอนได้ปีกว่าๆ เริ่มเข้ามาร่วมงานเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว เป็นการเซ็นสัญญาแบบปีต่อปี เริ่มเซ็นสัญญาเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2566 ซึ่งหากสัญญาไม่มีปัญหา การต่อสัญญาก็จะไปเป็นการต่อสัญญาโดยอัตโมมัติ


มินบอกว่าวันที่ตนเองจะก้าวเข้ามาในบริษัทนี้ ตนเองได้รับข้อมูลเหมือนทุกๆ คน และตนเองก็ได้มีการตรวจสอบว่า บริษัทมีการจัดตั้งถูกต้องมั้ย ผลิตภัณฑ์เป็นยังไง ตนเองเอามาลองใช้จริงและไม่เคยโอเวอร์เคลม และบริษัทก็ได้รับรางวัลจาก สคบ. ด้วย ซึ่งตนเองก็ไม่ใช่พรีเซนเตอร์คนแรกที่มาร่วมงานกับดิไอคอน ก่อนหน้านี้ในบิลบอร์ดมีพรีเซนเตอร์ดังๆ มากมายที่เคยร่วมงานมาแล้ว ตนเองก็พยายามตรวจสอบอย่างมากที่สุดแล้ว ตามที่บุคคลคนนึงจะสามารถตรวจสอบได้แล้ว ตรวจสอบแม้กระทั่งภาษีว่าเขาจ่ายถูกต้องมั้ย 


ซึ่งตรงนี้ “มิน” ก็พูดด้วยอาการเสียงสั่นๆ ว่า “ก็ยังโทษตัวเอง ว่าเราตรวจสอบไม่ดีพอ ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชนที่เรารัก ซึ่งมินก็พูดได้เลยว่ามินมีทุกวันนี้เพราะประชาชน วันนี้มินก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ”


มินบอกว่าตั้งแต่ที่ตนเองเข้ามาทำงาน ยังไม่มีจุดไหนของบริษัทที่น่าสงสัยเลย มีภาพลักษณ์ดีเหมือนที่ทุกคนเห็น และเพิ่งได้ยินเรื่องเสียหายของบริษัทพร้อมๆ กับทุกคน ตอนที่ได้ยินก็ยอมรับว่าตกใจ และเสียใจมาก เพราะมีผู้เสียหายเกิดขึ้น ก็รู้สึกสงสารเขามาก มินอยากยืนเคียงข้างประชาชน อยากเจอเขา อยากรู้ว่าเค้าเป็นยังไงบ้าง


ส่วนรูปแบบการทำงาน ทั้ง แผนการจ่าย แผนการทำทีม แผนการขาย อันนี้ไม่ใช่ขอบเขตหน้าที่ของตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้ลงไปถึงการขาย ไม่ได้ชักชวนใครเข้ามาร่วม ไม่มีดาวไลน์ ไม่มีแม่ทีม  “มิน” บอกว่า ต่อให้ตนเองจะพยายามตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว แต่ก็ยังไม่รอบคอบมากพอ และยังเป็นสิ่งยังโทษตัวเองอยู่ว่าอันนี้พลาดเองจริงๆ


“มิน” ยังเผยว่า ที่บ้านตนเอง มีธุรกิจที่ทำมา 30 ปีด้วยความสุจริต ทำอสังหาริมทรัพย์ ส่วนเงินที่ได้จากบริษัทดิไอคอน ก็เป็นเงินที่ได้เท่ากับพรีเซ็นเตอร์ทั่วไป ตนเองไม่ได้ถูกบีบให้ต้องมาทำอะไรสีเทา หรือทำอะไรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ถ้ารู้มาก่อน ตัวเองคงไม่เอาชื่อเสียงไปแลกกับเงินเท่านี้


ซึ่ง “มิน” ก็เล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นในการร่วมงานกับทางดิไอคอนว่า ทางผู้จัด “คุณเอส” ได้รับการติดต่อจากบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป ให้ตนเองมาเป็นพรีเซนเตอร์เซรั่มตัวหนึ่ง  โดยในการคุยกันครั้งแรก ผู้จัดการได้เข้าไปคุยกับบริษัทเพียงคนเดียว และครั้งที่สอง เขาก็บอกว่าเขาสนใจและอยากเจอตนเอง ก็เลยเข้าไปเจอ และนั่นก็เป็นการเจอกับ “คุณพอล” เป็นครั้งแรก เมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเจอกันโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน และหลังจากที่ได้เจอกับ “คุณพอล” เขาก็บอกว่าอยากให้มินเป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์ เขาอยากให้มินมีส่วนในการเป็นพีอาร์ของบริษัทด้วย 


ซึ่ง “มิน” บอกว่าตอนนั้นก็ไม่ได้รีบตัดสินใจเพราะยังไม่เข้าใจที่อยู่ดีๆ จะต้องมาเป็นพีอาร์ของบริษัท หลังจากนั้นก็เอากลับไปคิดทบทวนหลายเดือน ในระหว่างนั้นก็ได้ลองทานโปรดักซ์ไปด้วย ก็เป็นระยะเวลา 2-3 เดือน ในระหว่าง “คุณพอล” ก็ได้พยายามโทรหาตนเองอยู่เรื่อยๆ และสุดท้ายตนเองก็คุยกับผู้จัดการว่า งั้นลองทำงานกับเขาดูซักปีก่อนแล้วกัน ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการร่วมงานกัน


ส่วนในภาพงานสัมมนาที่เห็น “มิน” ขึ้นไปพูดถึงความน่าเชื่อของบริษัทบนเวที “มิน” ก็บอกว่าที่ผ่านมาตนเองได้รับการให้ข้อมูลจากบริษัทในมุมดีหมดเลย และ ณ วันนั้น ตนเองก็เชื่อจริงๆ ว่าบริษัทนี้ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดจะสามารถช่วยให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ และตนเองก็ได้ลองใช้จริงทั้งหมด ให้พ่อแม่ได้ลองด้วย ซึ่งถ้าสินค้าไม่ดีจริง หรือมีผลกระทบก็คงไม่ให้พ่อแม่ใช้แน่นอน และยอมรับว่ามีบางงานก็มีสคริปต์ ซึ่งตนเองก็จำสคริปต์ไม่ได้ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่พูดไปในสิ่งที่จริงใจและรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ส่วนคอนเท้นต์ต่างๆ ในโซเชียลที่มีการพูดถึงบริษัท เขาก็มีสคริปต์ให้ // ซึ่งหลังจากได้ย้อนกลับไปดูคลิปเหล่านั้น


โดย “มิน” ก็ได้ขอแสดงความจริงใจกับผู้เสียหาย ด้วยการประกาศขอยุติสัญญากับบริษัทดิไอคอนที่มีต่อกันทั้งหมด แม้จะยังไม่มีการตรวจสอบว่าถูกหรือผิด ตนเองขอเลือกข้างประชาชน ไม่ว่ายังไงก็ขอเลือกความยุติธรรมและความถูกต้อง ยืนยันจะไม่หนีไปไหน จากนี้จะพยายามรวบรวมพยานหลักฐานและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอให้หมายจับออก เพราะอยากรู้ความจริงทั้งหมดเหมือนกับทุกคน


“มิน” เผยว่าหลังจากเกิดเรื่อง ก็ได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับทาง “คุณพอล” แล้ว ก็ได้ถามเขาว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ก่อนที่มันจะบานปลายไปมากกว่านี้ “มิน” บอกได้พยายามติดต่อ “คุณพอล” ไปประมาณ 3-4 วัน วันแรกเขาก็บอกว่าจะทำคลิปวิดีโอออกมาตอบสื่อให้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่มีอะไรออกมา วันที่สองเขาก็บอกว่าจะไลฟ์สด แต่ก็ยังไม่เห็น จนวันที่สามก็ได้บอก “คุณพอล” ไปว่า มินจะแถลงข่าว ซึ่งก็รอเขาอยู่ 3-4 วัน แต่บริษัทก็ไม่ได้มีการออกมาให้ความชัดเจนกับประชาชนแต่อย่างใด ก็เลยคิดว่าในเมื่อบริษัทเลือกที่จะเงียบ แล้วทุกอย่างก็ถาโถมมาที่ตนเอง ตนเองก็ต้องเลือกที่จะออกมาแถลงข่าวเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเอง และอยากขอโทษประชาชนจริงๆ ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และเสียหายแบบนี้ แต่เขาก็พูดกับตนเองสั้นๆ แค่ว่า “มินออกไปตอบได้เลย”


“มิน” บอกทั้งน้ำตาว่า สิ่งเดียววันนี้ที่เสียใจคือ เสียใจที่ประชาชนเดือดร้อน มินโทษตัวเอง ว่าทำไมปล่อยให้มีผู้เสียหายขนาดนี้ ถึงแม้มินจะรอบคอบแค่ไหนก็ตาม แต่มันก็มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น ก็อยากขอโทษ (ยกมือไหว้) ประชาชนด้วยความจริงใจเลยว่า มินรู้สึกเสียใจจริงๆ ค่ะ หลังจากนี้มินจะยืนเคียงข้างประชาชน ไม่หนีไปไหน จะช่วยทุกสิ่งที่สามารถช่วยได้ และจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่พนักงานในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ในการจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้เร็วที่สุด


“มิน” ยืนยันว่าตั้งแต่ทำงานมาปีกว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องราวว่า มีคนเอาของไปแล้วขายไม่ออกแล้วเกิดความเสียหายขึ้น ถ้าตนเองได้ยินแม้แต่คนเดียว จะไม่มีวันร่วมงานกับบริษัทดิไอคอนกรุ๊ปตั้งแต่แรก เพราะวันนี้ตนเองทำงานในวงการบันเทิงมาเกือบ 20 ปี มีมาตรฐานในการรับงานของตัวเอง และตั้งใจที่จะให้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับประชาชนที่เอ็นดูและรักตนเองมาโดยตลอด


ส่วนคลิปงานวันเกิดบอสพอล ที่เห็นมินไปร่วมงานด้วย “มิน” ก็บอกว่าตั้งใจไปเองด้วยความเคารพ เพราะตอนนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพี่เขาเป็นพิษเป็นภัยหรือทำร้ายใคร ถ้าวันนี้รู้ว่าคุณพอลสร้างความเสียหายให้กับประชาชน ตนเองก็คงไม่เข้าไปแน่นอน และคงไม่มีการร่วมงานตั้งแต่แรกแน่นอน แต่อันนั้นไปเพราะอยากให้เกียรติคนที่ร่วมงานกัน ส่วนล่าสุดที่ “มิน” ได้ชวนแฟนหนุ่ม “เควิน” มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์คู่กันให้กับสินค้าใหม่ของดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่งได้มีการจัดงานเปิดตัวไปเมื่อไม่กี่วันก่อน “มิน” ก็บอกว่าปกติ “คุณเควิน” ก็ไปกับตนเองอยู่แล้ว และ “คุณเควิน” ก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้


ทางด้านทนายความอธิบายว่า ในสัญญาที่ “มิน” ได้เซ็นกับบริษัทดิไอคอน มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ถ้าฝ่ายใดผิดสัญญา จะมีค่าปรับ 500,000 บาท แต่ในกรณีนี้มองว่า ทางบริษัท มีการบริหารจัดการที่ทำให้เกิดผลกระทบต่ออาชีพของมิน พร้อมให้เหตุผลในการยกเลิกสัญญาว่าการบริหารจัดการหรือธรรมาภิบาลเกิดผลกระทบกับประชาชนและกระทบต่อชื่อเสียงของมิน จึงจะขอยกเลิก และจะทำหนังสือยกเลิกตามไปทีหลัง กรณีเป็นหนึ่งในบอสดาราที่มีตำแหน่งบริหารในบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป โดยก่อนหน้านี้มีการเปิดเผยว่า “มิน” ดำรงตำแหน่ง Chief Communication Officer (CCO) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร


https://youtu.be/0T9-njbRtAY

คุณอาจสนใจ

Related News