บันเทิง

รอผลตรวจเลือด ‘ติ๊ก ชิโร่’ ถ้าไม่พบแอลกอฮอล์ ตร.ชี้อาจเข้าข่าย ‘ประมาทร่วม’

โดย nattachat_c

11 ต.ค. 2567

519 views

วานนี้ (10 ต.ค. 67) เวลา 04.00 น. ร.ต.อ.ปฏิญญา จิรัญดร รองสว.สน.คันนายาว ได้รับแจ้งอุบัติเหตุรถชน มีผู้เสียชีวิต เหตุเกิดที่บริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ช่วงสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู


ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนสุขาภิบาล 5 บริเวณกลางสะพานข้ามถนนเทพรักษ์ พบศพผู้เสียชีวิต 1 รายทราบชื่อต่อมาว่า น.ส.เทียนพร ศิวพรพิทักษ์ น้องเมจิ อายุ 28 ปี


ขณะที่บริเวณด้านล่าง บนถนนสุขาภิบาล 5 จากความสูงบนสะพานประมาณ 10 เมตร พบร่างของ นายจักรภัคร ศิวพรพิทักษ์ หรือจูเนียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปี 2 คณะมนุษยศาสตร์ มศว.ประสานมิตร อาการสาหัส อาสามูลนิธิร่วมกตัญญูต้องเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล


โดยผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองโดยสารมากับ จยย.ฮอนด้า คลิก สีดำ มีนายจักรภัคร เป็นคนขี่ จยย. ถูกรถคู่กรณีชนเสียหายพังทั้งคัน


โดยในที่เกิดเหตุบนสะพาน ห่างออกไปประมาณ 10 เมตร เจ้าหน้าที่พบรถตู้คู่กรณีเป็น รถตู้ฮุนได สีดำ มีนายศิริศักดิ์ นันทเสน หรือ 'ติ๊ก ชิโร่' อายุ 63 ปี นักร้องชื่อดัง เป็นผู้ขับ ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุ โดยรถตู้คู่กรณี กันชน และไฟหน้าด้านซ้ายแตก-ยุบพัง เสียหาย


จากการสอบสวน น.ส.จิณห์นิภา ศิวพรพิทักษ์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวคนกลางของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ให้การว่า ขณะตนเดินทางมากับพี่สาว และน้องชาย ได้ขี่ จยย.นั่งซ้อนกันมา 3 คน โดยตนนั่งกลาง ขณะ จยย.ขึ้นมาบนสะพาน ขวดน้ำเปล่าของตนได้หล่นตกลงไปบนถนน จึงบอกให้นายจักรภัคร น้องชายที่เป็นคนขี่ จยย.หยุดรถ จอดรถไว้ริมสะพาน ตนเดินลงไปเก็บขวดน้ำ ระหว่างนั้น รถตู้คู่กรณีก็ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชน จยย.ที่น้องชาย และพี่สาว นั่งรออยู่อย่างรุนแรง จนรถกระเด็นออกไปพี่สาวเสียชีวิตบนสะพาน ขณะที่น้องชายร่างกระเด็นตกลงไปถนนด้านล่าง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุ ทางบิดา และมารดา ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ได้เดินทางมาดูที่เกิดเหตุ ทางด้าน ติ๊ก ชิโร่ ได้เดินตรงเข้าไปขอโทษ และยอมรับสารภาพกับบิดามารดาของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตว่า ตนเป็นผู้ขับขี่รถตู้คันดังกล่าวด้วยตัวเอง พร้อมมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ความร่วมมือทุกอย่าง โดยไม่คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้น เพราะอายุ 63 ปี ไม่เคยประสบอุบัติเหตุรุนแรงถึงขั้นมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บเช่นนี้ มาก่อน


โดย ทางมารดาของผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจ เข้าไปต่อว่า กับ ติ๊ก ชิโร่ ว่า เหตุใดถึงขับรถเร็ว ทำให้ลูกสาว และลูกชาย เสียชีวิต-บาดเจ็บสาหัส ซึ่งทาง ติ๊ก ชิโร่ ได้เดินเข้าไปกราบขอขมาบริเวณจุดที่พบร่างผู้เสียชีวิต ซึ่งยังมีกองลิ่มเลือดอยู่บนพื้นถนน พร้อมกราบขอขมาที่ได้ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น


ด้าน นายปริญญา ทองงาม อายุ 24 ปี อาสามูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า ตนได้รับแจ้งเหตุประมาณเกือบตี 4  เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตอยู่บริเวณริมทางกลางสะพาน ใกล้กันมีถุงใส่ของจากร้านสะดวกซื้อ มีน้ำเปล่าหนึ่งขวดสภาพขวดบุบบี้อยู่ใกล้ ๆ กับ จยย. และทราบว่า มีผู้บาดเจ็บกระเด็นตกสะพานไป ซึ่งสะพานตรงนั้นสูงมาก  


ส่วน ติ๊ก ชิโร่ ที่ขับรถตู้คู่กรณี ลงมาดูด้วยท่าทางเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับก้มลงกราบขอขมาผู้ประสบเหตุที่บริเวณจุดเกิดเหตุ  ซึ่งตนมองดูเบื้องต้น ติ๊ก ชิโร่ พูดจารู้เรื่อง ไม่ได้มีอาการเมา หรือไม่มีสติ แต่อย่างใด โดยมีคนของติ๊กมาที่จุดเกิดเหตุหลายคน ก่อนที่ตนจะนำผู้บาดเจ็บไปส่งที่ รพ.ภูมิพล โดยมีผู้ประสบเหตุอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บติดไปด้วย และนำร่างผู้เสียชีวิตส่งสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ  


พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยความคืบหน้าว่า หลังเกิดเหตุ ทาง ติ๊ก ชิโร่ มีอาการเจ็บหน้าอก จึงขอไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท-นวมินทร์ และแอดมิดตั้งแต่ช่วง 6 โมงเช้า แต่เนื่องจากแบตโทรศัพ์มือถือหมด จึงไม่สามารถติดต่อได้ มาติดต่อได้ในช่วงสาย ซึ่งทางตำรวจได้ประสานแพทย์ให้เจาะเลือดเพื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดด้วย คาดว่าใช้เวลาประมาณ 3 วัน จะทราบผล และตอนนี้ ติ๊ก ชิโร่ ก็ยังพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล


ส่วนที่มีการตั้งคำถาม เรื่องการเป่าแอลกอฮอล์ในที่เกิดเหตุ ทาง ผกก.สน.คันนายาว ชี้แจงว่า เนื่องจากในขณะนั้น ติ๊ก ชิโร่ มีอาการเจ็บหน้าอก จึงไม่สามารถเป่าได้ จึงให้ไปตรวจที่โรงพยาบาล และไม่มีพฤติกรรมหลบหนี  ขณะที่ตัวแทนของ ติ๊ก ชิโร่ ก็ไปที่ สน.คันนายาว เพื่อพูดคุยกับฝั่งผู้เสียหาย โดย ติ๊ก ชิโร่ ยินดีจะรับผิดชอบ และชดใช้ให้ทุกอย่าง ทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าดำเนินการต่าง ๆ  


ส่วนการแจ้งข้อกล่าวหา ตอนนี้ ยังไม่สามารถแจ้งได้ เนื่องจากต้องรอผลการตรวจแอลกอฮอล์ อีกทั้ง จะตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดว่า เหตุการณ์เป็นมาอย่างไร ซึ่งจะต้องรวบรวมหลักฐานให้มากกว่านี้ แต่ยืนยันว่า ตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย


ทั้งนี้ หากผลการตรวจออกมามีแอลกอฮอล์ในเลือด ก็จะแจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอน แต่หากผลออกมาไม่มีแอลกอฮอล์ในเลือด ก็อาจจะมีความผิดเข้าข่ายฐานประมาทร่วม แต่ก็ต้องดูหลักฐานอื่น ๆ ในที่เกิดเหตุประกอบ


ขณะที่ น.ส.จิณห์นิภา เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุทั้ง 3 คน ขี่รถจักรยานยนต์ซ้อน 3 ไปซื้อของให้แม่ และแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม โดยซื้อน้ำมาด้วย 1 ขวด ก่อนจะออกจากปั๊ม  3 พี่น้องได้ถ่ายเซลฟี่ด้วยกัน  จากนั้นก็ขี่รถออกจากปั๊มไปขึ้นสะพาน ระหว่างที่อยู่บนสะพาน น.ส.จิณห์นิภา ที่นั่งตรงกลาง ทำขวดน้ำหลุดมือตรงกลางสะพาน จึงบอกให้น้องชายที่เป็นคนขี่ จอดริมทางในเลนซ้ายสุด เนื่องจากบนสะพานไม่มีไหล่ทาง แต่น้องชายพยายามจอดให้ชิดริมทางที่สุดแล้ว จากนั้น น.ส.จิณห์นิภา ก็ลงจากรถไปเก็บขวดน้ำ  จึงเหลือแค่น้องชายกับพี่สาวคนโต ที่ยังอยู่บน จยย.ระหว่างนั้น รถตู้สีดำของ ติ๊ก ชิโร่ ก็ขับพุ่งเข้าชน จยย. พี่สาวคนโตกระเด็นเสียชีวิต น้องชายคนเล็กกระเด็นตกสะพาน


น.ส.จิณห์นิภา ตั้งคำถามว่า ทำไมรถที่ขับมาเลนปกติ ถึงไม่ขับตรง ๆ ไม่ว่าจะขับเร็วแค่ไหน ตรงก็คือตรง แล้วน้องของเธอก็อยู่เลยเส้นขาวไปด้วยซ้ำ ถ้าตนยังอยู่ตรงกลางสะพานจริง น้องคงไม่กระเด็นออกไปข้างนอกสะพาน ซึ่งทาง พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว อธิบายว่า ต้องไล่ดูภาพกล้องวงจรปิด และกล้องหน้ารถคู่กรณี เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ พบว่า บนสะพานดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด แต่จะมีกล้องวงจรปิด 2 จุด ของกรุงเทพมหานคร บริเวณก่อนขึ้นสะพานข้ามถนนเทพรักษ์


โดยกล้องตัวแรก ก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร จะเห็นรถตู้สีดำของติ๊ก ชิโร่ ขับผ่านไปด้วยความเร็ว ในเวลา 03.28 น.


กล้องวงจรปิดอีกมุม อยู่บริเวณเชิงทางขึ้นสะพานจุดเกิดเหตุ ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร จะเห็นรถจยย.ของผู้เสียชีวิตขับออกจากปั๊มน้ำมัน ในเวลา 03:27 น. และรถของติ๊ก ชิโร่ ขับผ่านจุดเดียวกันในเวลา 03.28น. ก่อนจะไปเกิดอุบัติเหตุ  และต่อมาในเวลา 03.35น. กล้องมุมเดิมจะเห็นรถกู้ภัยขับไปที่จุดเกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ


แต่เนื่องจากบนสะพานที่เกิดเหตุ ไม่มีกล้อง จึงทำให้ไม่เห็นว่าช่วงที่เกิดเหตุ เหตุการณ์เป็นอย่างไร แต่ทาง ผกก.สน.คันนายาว ระบุว่า จะมีการไล่กล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ รวมทั้งตรวจสอบกล้องหน้ารถของติ๊ก ชิโร่ด้วย เพื่อให้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


ด้าน นายจีรวัฒน์  อายุ 56 ปี ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า อาการของลูกชายคนเล็กที่เจ็บสาหัส มีอาการกะโหลกศีรษะร้าว กระดูกต้นคอแตกหัก และยังอยู่ในอาการโคม่า แพทย์บอกว่ามีโอกาสรอด 10% และตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานขอย้ายโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลตามสิทธิ์ เนื่องจากมีเงินไม่เพียงพอ และจะประสานไปยังโรงพยาบาลที่มีหมอเฉพาะทาง


คุณพ่อ ยังบอกด้วยว่า ติ๊ก ชิโร่ ได้เข้ามาขอโทษ และก้มกราบตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้ว โดยติ๊กยอมรับว่า เป็นคนขับรถคันดังกล่าว และจะรับผิดชอบทั้งหมด โดย พ.ต.อ.เรนทร์ เครื่องสนุก ผู้กำกับการ สน.คันนายาว บอกว่า ทางญาติของติ๊ก ได้ประสานมาว่า ได้เตรียมเงินจำนวน 100,000 บาท เป็นค่าทำศพให้กับผู้เสียชีวิต และจะดูแลค่ารักษาพยาบาล พร้อมกับส่งคนเจ็บไปยังโรงพยาบาลที่มีแพทย์เฉพาะทางในการรักษา



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/9H8keqNmQrI

คุณอาจสนใจ

Related News