บันเทิง
เปิดใจทั้งน้ำตา 'เอ๋' ภรรยา 'วินัย ไกรบุตร' เผยมีลางสังหรณ์ใจ แต่ไม่คิดว่าสามีจะไปเร็วขนาดนี้
โดย paweena_c
22 มี.ค. 2567
638 views
พิธีรดน้ำศพ พระเอกร้อยล้าน 'วินัย ไกรบุตร' ด้าน 'เอ๋' ภรรยาเปิดใจ มีลางสังหรณ์แต่ไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้
การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งของวงการบันเทิงไทย กับการจากไปของพระเอกหนังร้อยล้านในตำนาน ‘เมฆ วินัย ไกรบุตร’ หรือ ‘นายหัฒศนัย ไกรบุตร’ ที่จากไปอย่างสงบเมื่อกลางดึกวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมา หลังต้องต่อสู้รักษาตัวจากโรคตุ่มน้ำพองเรื้อรัง มาเป็นเวลานานกว่า 5 ปี ก่อนจะจากไปอย่างสงบในวัย 54 ปี จากภาวะความดันตก ติดเชื้อในกระแสเลือด
โดยเมื่อช่วงสายวานนี้ ‘คุณเอ๋ อรชัญญาช์’ ภรรยาของ ‘เมฆ วินัย’ ก็ได้เดินทางมายัง รพ.CGH สายไหม พร้อมญาติ เพื่อดำเนินการขอรับร่างของ พี่เมฆ วินัย ออกจากรพ. จนกระทั่ง เวลา 12.00 น. รถตู้ได้เข้ามารับร่างของพี่วินัย ที่ห้องโพส (ห้องนิติเวช) รพ.CGH สายไหม บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะ คุณเอ๋ ภรรยาของพี่เมฆ ได้เดินร้องไห้ มาตลอดทาง จากนั้นก็ขึ้นไปบนรถตู้ ก่อนจะเคลื่อนไปยังวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิต พร้อมกับพูดเรียกคุณเมฆ รวมถึงระหว่างทางได้กำชับญาติๆว่า ให้เรียกคุณเมฆไปตลอดทางจนถึงวัดด้วย
โดยหลังจากเคลื่อนร่างของ ‘เมฆ’ มาถึงที่วัด ‘เอ๋’ ก็ได้เปิดใจทั้งน้ำตาถึงการจากไปของสามีว่า ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกระทันหันปุบปับ แต่ก็จะตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุดเพื่อส่งพี่เมฆเป็นครั้งสุดท้าย โดย คุณเอ๋ บอกว่า พี่เมฆเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา และระหว่างนั้นมีการหยุดหายใจไปแป๊ปหนึ่ง ก่อนจะกระตุ้นให้ฟื้นกลับมา และหลังจากที่ฟื้นมาอีกครั้งพี่เมฆก็จะเรียกเธอไปหอมแก้ม ไปกอดบ่อยจนผิดสังเกต ทำแบบนั้นอยู่ประมาณ 2-3 วัน ก่อนจะบอกว่าตัวเองเหนื่อย เหนื่อยมาก ตอนนั้นเธอนึกว่าอาจจะเพลียจากอาการของโรค จึงบอกให้นอนพัก จนกระทั่ง วันที่ 18 มีนาคม พี่เมฆมีอาการเกร็งตามร่างกาย และเข้าห้องฉุกเฉิน จากนั้นเธอก็ไม่ได้พูดคุยกับพี่เมฆอีกเลย
คุณเอ๋ บอกอีกว่า ช่วงที่พี่เมฆบ่นว่าเหนื่อย ยอมรับว่าสังหรณ์ใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะไปเร็วขนาดนี้ และยังบอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ช่วงหนึ่งพี่เมฆอาการดีขึ้น แต่พี่เมฆก็ไปแกะสะเก็ดแผลตามร่างกายออกจนหมด จนเลือดไหลอาบท่วม ซึ่งเมื่อเธอถามว่าแกะทำไม พี่เมฆบอกว่า ตนเองฝัน ฝันว่ามีคนบอกให้แกะออกให้หมด ทำให้เธอคิดว่าสาเหตุนี้อาจจะทำให้แผลติดเชื้อ จนกระทั่งเมื่อวานนี้ พี่เมฆมีอาการความดันตก หัวใจเต้นช้าลง และน้ำเริ่มท่วมปอด ซึ่งเธอกำลังทำเรื่องย้ายตัวพี่เมฆไปรักษาโรงพยาบาลจุฬาฯ แต่ด้วยอาการแย่ลงเรื่อย ๆ ทำให้ย้ายไม่ทัน
และวันสุดท้ายคุณเอ๋ ก็บอกว่าเธออยู่กับพี่เมฆจนวินาทีสุดท้าย อยู่จนเค้าไป คุณเอ๋ ยังบอกอีกว่า พี่เมฆสู้มาตลอด 5 ปี คอยบอกกันตลอดให้สู้ สู้จนถึงที่สุดถ้าเหนื่อยก็พัก เมื่อวานเธอก็บอกว่า “ถ้าไม่ไหวก็พอแล้ว”
คุณเอ๋ ยังบอกทั้งน้ำตาอีกว่า รักพี่เมฆมาก ทำให้เค้าได้ทุกอย่าง รู้มาตลอดว่าพี่เมฆเป็นห่วงเรา คอยถามเธอตลอดว่า ไหวไหม และทุกครั้งเธอก็จะบอกว่าไหว บอกตลอดทั้งผ่านสื่อและบอกกับเค้ามาตลอด สิ่งที่เธออยากจะบอกพี่เมฆเป็นครั้งสุดท้าย คืออยากบอกว่า ไม่ต้องห่วงแล้ว ขอให้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี อดทนมาเยอะ ทำเพื่อครอบครัวมาตลอด สร้างเป้าหมายให้ลูกมาดีที่สุดแล้ว อะไรที่พี่เมฆทำไว้ เอ๋จะสานต่อเอง จะทำต่อให้ดีที่สุด ในฐานะแม่ของลูกและภรรยาของพี่ ทั้งบริษัทที่วางแผนจะเปิดกันก่อนหน้านี้ด้วยเธอก็จะทำต่อ ส่วนลูกทั้ง 3 คน เธอบอกว่าจะทำอย่างเต็มที่ จะเลี้ยงให้ดีกว่าเดิม จะเป็นทั้งพ่อและแม่ยอมรับลูกมีถามหาถึงตัวพี่เมฆ ว่าทำไมอาการพ่อถึงแย่ลงแต่ก็เชื่อว่าลูกได้เห็นและเข้าใจ
ก่อนจะจบการสัมภาษณ์ คุณเอ๋ ได้พูดระบายและร้องไห้ออกมาว่า ตัวเธอไม่ได้เก่ง อยากจะร้องไห้ปล่อยโฮ แต่รู้ว่าถ้าทำไปจะทำให้คนรอบข้างทั้งครอบครัวเธอและครอบครัวพี่เมฆไม่สบายใจและเครียด เพราะทุกคนรู้ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เธอดูแลพี่เมฆมาตลอดไม่เคยห่าง พอเกิดเหตุการณ์นี้ทุกคนกลัวว่าเธอจะไปตามพี่เมฆ ซึ่งเธอยืนยันว่าเธอจะไม่ไปเพราะเธอต้องดูแลลูกให้ถึงฝั่งฝันให้ดีที่สุด
จากนั้น “นางห้าม๊า หมดจด” แม่ของเมฆ วินัย ไกรบุตร ก็ได้ให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตา หลังเดินทางมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี ถึงการเสียชีวิตของลูกชายว่า ที่ผ่านมาแม่ก็เป็นกำลังใจให้พี่เมฆมาตลอด สู้มาด้วยกัน รวมถึงพี่ ๆ น้อง ๆ ลูกสะใภ้ ก็สู้มาด้วยกันตลอด ซึ่งแม่เพิ่งกลับจากบ้านเมฆ เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา หลังจากมาอยู่กับลูก 10 วัน โดยตลอด 5 ปีที่ลูกชายป่วย บินมาหาลูกทุกเดือน
ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ตนเองได้คุยกันก็คือ 14 มี.ค. เมฆ ได้ร้องเพลงน้ำตาลาไทร ของไท ธนาวุฒิ ให้ฟังด้วย ซึ่งเป็นเพลงโปรดของเขา แต่ตอนนั้นเขาพูดแทบไม่มีเสียง แต่แม่จะกลับบ้านเขาเลยร้องเพลงให้แม่ฟัง และร้องเพลงเสียงชัดเลย เหมือนเขาร้องเพลงครั้งสุดท้าย
แม่ของเมฆวินัย บอกอีกว่า ที่ผ่านมาเขาก็ท้อ แต่เขาก็บอกตลอด ว่าจะหายให้ได้ เพื่อลูก เพื่อแม่ เพื่อเมีย ซึ่งกำลังใจสำคัญของเขาก็คือ ลูก ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ และเมียที่ให้กำลังใจมาตลอด ซึ่งที่ผ่านมาแม่ก็บอกเขาว่าให้สู้ไปด้วยกัน แต่แม่เองก็เคยท้อ แต่ก็สู้ และให้กำลังใจ และจริง ๆ ตอนนี้ก็ยังอยากจะให้เขาสู้ แต่เขาคงสู้ไม่ไหวแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ เอ๋ ลูกสะใภ้ ก็โทรไปบอกว่า อยากจะส่งเขาไปสุราษฎร์ แม่ก็ยังบอกเลยว่าเขาจะไหวมั้ย เขาจะไม่มีแรงแล้วนะ จนกระทั่งเมื่อคืนลูกสะใภ้ โทรไปบอกซึ่งตอนนั้นแม่รู้สึก “แม่ใจหายไปเลย” จนนอนไม่หลับเพราะคิดถึงเมฆ หลังจากนั้นจึงเดินทางมากรุงเทพฯทันที เพราะตอนแรกแม่จองตั๋วเครื่องบินไว้แล้วจะบินมาหาพี่เมฆเย็นวันนี้ ซึ่งตอนนี้ยอมรับว่าสภาพจิตใจตอนนี้ก็แย่มากๆ
นอกจากนี้ แม่ของเมฆยังบอกอีกว่า เมื่อวานแม่ก็รู้สึกมีลางสังหาร เพราะก่อนลูกชายจะเสีย ก็ยังโทรหาเอ๋ หลังทราบว่าจะส่งไปรพ.จุฬาฯ แม่ถามว่า จะไหวเหรอเพราะแม่รู้สึกว่าเขาไม่ไหวแล้ว
ส่วนก่อนหน้านี้แม่ยอมรับว่า ก็เคยเตรียมใจไว้ เคยบอกลูกสาวคนโตว่า พี่เขาจะไม่ไหวแล้วนะให้ทำใจไว้ด้วย
ทั้งนี้แม่ของเมฆ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากบอกเมฆว่า “ให้หลับให้สบายนะลูก ไม่เจ็บไม่อะไรแล้ว” ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร แต่เสียดายที่ตนเองไม่ได้สั่งลาลูกชายเป็นครั้งสุดท้ายเลย ครอบครัวจะช่วยๆกัน และอยากบอกลูกสะใภ้ด้วยว่ารักเขามากและเป็นห่วงเขา มีอะไรหลังจากนี้ก็จะช่วยเหลือกัน เพราะยังเป็นครอบครัวเดียวกัน “แม่รักลูกสะใภ้มาก เพราะเขาทำให้ทุกอย่าง รักเหมือนลูกที่เกิดมาเองคนหนึ่ง และไม่เคยให้สามีนอนที่สกปรก ซักผ้าทำอะไรให้สะอาดหมด หาไม่ได้แล้วลูกสะใภ้แบบนี้” ส่วนหลังจากนี้ ก็ยังจะบินมาหาหลานมาหาลูกสะใภ้เหมือนเดิม
ขณะที่ เอ๋ อรชัญญาช์ ภรรยา ของเมฆ กล่าวเสริมว่า ก็ให้กำลังใจกัน เพราะพี่เมฆเขาห่วงแม่ และเราพูดเสมอว่านี่คือครอบครัวเรา ตอนนี้เขาก็คงไม่ห่วงแล้ว พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาไม่เคยคิดว่าเขาจะไป ก็ไม่เคยเตรียมใจไว้ เมื่อคืนนี้ก็คิดว่าเขาจะสู้ หมอปั๊มหัวใจมา 1 ชม.แล้วไม่ฟื้น ซึ่งก็ยังไม่กล้าบอกแม่เพราะกลัวว่าแม่จะช็อก แต่สุดท้ายก็ต้องตัดสินใจบอก
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/A5rAMt8jdMo