เศรษฐกิจ
แบกรับต้นทุนไม่ไหว! เกษตรกรผู้เสียงสุกรน้ำตาตก ราคาหมูหน้าคอกลดฮวบเหลือ กก.ละ 80 บาท วอนรัฐช่วยเหลือ
โดย petchpawee_k
25 ก.พ. 2566
1K views
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดอุทัยธานีน้ำตากตกเดือดร้อนกันถ้วนหน้า หลังราคาหน้าคอกลดฮวบจากกิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น และมีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีกถึง 70 บาทต่อกิโลกรัม แบกรับต้นทุนกันไม่ไหว เรียกร้องให้รัฐช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศด้วย
ที่จังหวัดอุทัยธานี ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่อำเภอสว่างอารมณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกรมากที่สุดทั้งรายเล็กรายใหญ่ หลังราคาสุกรเป็นหน้าคอกของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรราคาลดฮวบ จากราคากิโลกรัมละ 110 – 115 บาท เหลือเพียงกิโลกรัมละ 80 บาท เท่านั้น
โดยเกิดจากกระแสข่าวจากปัญหาเนื้อสุกรเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้า ทำให้พ่อค้าที่เคยรับซื้อสุกกรหน้าคอกฉวยโอกาสกดราคาซื้อสุกกรของเกษตรกรลดลง จากเดิมถึงกิโลกรัมละ 30 – 35 บาท แต่เกษตรกรก็ต้องจำใจยอมจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากถึงกำหนดจับขายหากไม่ขายในตอนนี้ก็ต้องเลี้ยงไว้ต้องกินทุนค่าอาหารไปอีก และค่าอาหารหมู่ก็ขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายหนึ่ง กล่าวถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกร ว่าตนเองเป็นเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกกรเป็นอาชีพมาเป็นเวลา 12 ปี ปีนี้ถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาอาหารสุกรแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาหน้าคอกก่อนหน้านี้มีราคาสูงกิโลกรัมละ 110 – 115 บาทก็ถือว่ายังมีกำไรอยู่กันได้ แต่ราคาขณะนี้ลดฮวบลงมาเหลือกิโลกรัมละ 80 บาท และมีแนวโน้มลดต่ำดิ่งลงไปถึงกิโลกรัมละ 70 บาท อีกส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนกันถ้วนหน้า
ต้องแบกรับต้นทุนและจำใจยอมขาดทุนกัน อย่างตนเองเลี้ยงสุกรครั้งละ 20 ตัวมีต้นทุนเป็นค่าพันธุ์หมูตัวละ 2,500 บาท 20 ตัวเป็นเงิน 50,000 บาท ต้องเลี้ยงเป็นเวลา 4 เดือนจึงจะจับขายได้ เมื่อคิดค่าอาหารหมูแล้ว 1 ตัว ไม่รวมค่าน้ำค่าไฟ จะมีทุนทั้งค่าตัวและค่าอาหารรวม 8,000 – 8,500 บาท 20 ตัวจะมีต้นทุนรวม 160,000 บาท
และขณะนี้ถึงกำหนดขายแล้วและขายได้เพียงกิโลกรัมละ 80 บาทเท่านั้น โดยหมูแต่ละตัวเฉลี่ยจะมีน้ำหนัก 110 กิโลกรัม 1 ตัวจะมีราคา 8,800 บาท ถ้า 20 ตัว ราคารวมแล้ว ขายขายได้เพียง 176,000 บาท แต่มีต้นทุนถึง 160,000 บาท เหลือกำไรเพียง 16,000 บาท ค่าคิดเป็นตัวจะขายเฉลี่ยตัวละ 8,800 บาท ได้กำไรตัวละ 300 – 500 บาท ถือว่าไม่ได้กำไรเพราะต้องเสียค่าแรงและเสียเวลาถึง 4 เดือน หากเป็นราคาก่อนหน้านี้จับขายได้กิโลกรัมละ 110 – 115 บาท ต่อตัวจะขายได้เฉลี่ยตัว 12,000 – 12,500 บาท ซึ่งกำไรจากที่เคยได้ตัวละถึงตัวละ 3,500 – 3,700 บาท ถ้ารวม 20 ตัวที่เลี้ยงไว้จะจับขายได้รวมเฉลี่ย 240,000 – 250,000 บาท เท่ากับกำไรหายไป รวมไป กว่า 65,000 บาท
แต่จำเป็นต้องจับขายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะราคามีแนวโน้มดิ่งต่ำลงอีก 70 บาทต่อกิโลกรัม จึงไม่กล้าเสี่ยงจะรอราคาเนื่องจากต้องมีต้นทุนเป็นค่าอาหารสุกรอีก อยากจะวอนผู้เกี่ยวข้องรวมไปถึงรัฐบาลช่วยแก้ปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรทั่วประเทศอย่างเร่งด่วนด้วย โดยเฉพาะเรื่องราคาอาหารสุกรต้องราคาต่ำกว่านี้อีกมาก เกษตรกรก็จะสามารถประกอบชีพเลี้ยงสุกรต่อไปได้ หากราคาอาหารสุกรยังแพงขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะต้องหยุดเลี้ยงสุกรไปก่อน