กกร. จี้ แบงก์ชาติ ลดดอกเบี้ย เพื่อลดผลกระทบบาทแข็ง

ภาคเอกชน 3 สถาบัน เตรียมเข้าพบผู้ว่าแบงก์ชาติ เพื่อให้ลดดอกเบี้ย หวังลดผลกระทบค่าเงินบาทแข็ง

การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. เห็นตรงกันว่า เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว เพิ่มแรงกดดันต่อภาคการส่งออก เงินบาทแข็งค่าจาก 36.80 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ที่ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา หรือ ราว 12% เป็นการแข็งค่ามากกว่าค่าเงินอื่นในภูมิภาค ทำให้ผู้ส่งออกไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านราคา โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารที่ใช้วัตถุดิบในประเทศเป็นหลัก และหากค่าเงินบาทยังแข็งค่าต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี อาจทำให้รายได้ในรูปเงินบาทของผู้ส่งออกหายไปถึง 1. 8- 2.5 แสนล้านบาท

โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน กล่าวว่า ในวันสองวันนี้ จะทำหนังสือขอเข้าพบผู้ว่าการแบงก์ชาติ เพื่อหารือใน 2 กรณี ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจไทย เสนอให้แบงก์ชาติ เร่งพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยที่สะท้อนอยู่แล้วในตลาดการเงินล่วงหน้า หรือ Forward Market ปัจจุบันตลาดคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงอย่างน้อย 0.25% ภายในปีนี้ และอีกประมาณ 0.25% - 0.5% ภายในปีหน้า ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อ Real Sector ได้อย่างรวดเร็ว และการสื่อสารฯเชิงรุก เพื่อให้ภาคธุรกิจรับรู้และปรับตัวได้ทันการณ์ ส่วนสมุดปกขาว เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลนั้น ขณะนี้ได้ข้อสรุปแล้วในวันนี้ จะทำเรื่องขอยื่นต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป

สอดคล้องกับสภาผู้ส่งออกสินค้าฯ ที่หวั่นบาทแข็ง ทำขาดทุน จี้แบงก์ชาติ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท นอกจากนี้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ยังต้องจับตา สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่ปะทุขึ้นอีกรอบ เมื่ออิหร่านเปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอลเพื่อตอบโต้ต่อปฏิบัติการโจมตีในเลบานอล

https://youtu.be/YbU6Rlttbc4