เศรษฐกิจ
‘แบงก์ชาติ’ เตือน "ดิจิทัลวอลเล็ต" ก่อหนี้มาก ขณะที่ ‘เผ่าภูมิ’ ชี้ แค่ความเห็น เดินหน้าต่อ
โดย attayuth_b
24 เม.ย. 2567
92 views
“ผู้ว่าแบงก์ชาติ” ส่งความเห็นทบทวน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต่อ ครม. ชี้ก่อหนี้มากกระทบภาระการคลังระยะยาว
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 22 เมษายน 2567 เพื่อเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 เม.ย.2567 ตามที่ขอความเห็นมา โดยผู้ว่าแบงก์ชาติมองว่า โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการขนาดใหญ่ของประเทศ ต้องใช้เงินจำนวนมาก อาจก่อให้เกิดภาระหนี้ผูกพันต่อรัฐบาลในอนาคต โดยสาระสำคัญที่ระบุในเอกสาร ประกอบด้วย
ความจำเป็น โครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท และผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ควรดูแลครอบคลุมเฉพาะกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิผลคุ้มค่า และใช้งบประมาณลดลง เช่น กลุ่มผู้มีรายได้น้อย หรือ ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ 15 ล้านคน ซึ่งดำเนินการได้ทันที และใช้งบประมาณเพียง 150,000 ล้านบาท และควรทำแบบแบ่งเป็นระยะ เพื่อลดผลกระทบต่อเสถียรภาพการคลัง โดยโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ก่อให้เกิดภาระทางการคลังจำนวนมากในระยะยาว และหากไม่สามารถรักษาเสถียรภาพภาระหนี้ภาครัฐได้ จะเพิ่มความเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมภาครัฐและภาคเอกชนปรับเพิ่มขึ้น และการเพิ่มวงเงินกู้งบปี 68 จนเกือบเต็มกรอบที่กฎหมายกำหนด ทำให้เหลือวงเงินกู้ได้อีกราว 5,000 ล้านบาท อาจไม่เพียงพอรองรับกรณีฉุกเฉิน ภายใต้สถานการณ์การเมืองโลก ความไม่แน่นอนสูงและภาวะภัยธรรมชาติมีความรุนแรงมากขึ้น รัฐควรนำงบ 500,000 ล้านบาท ไปใช้ลงทุนแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างและยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
ส่วนแหล่งเงินสำหรับดำเนินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท วงเงิน 500,000 ล้านบาท ที่จะมาจากงบประมาณรายจ่าย และกู้เงินจาก ธ.ก.ส. โดยรัฐบาลรับภาระชดเชยค่าใช้จ่ายตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง แบงก์ชาติเสนอให้คณะรัฐมนตรี มอบให้กระทรวงการคลังหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา และแบงก์ชาติ เนื่องจากยังมีภาระหนี้คงค้างกับ ธ.ก.ส. ถึง 800,000 ล้านบาท
แบงก์ชาติ ยังแสดงความห่วงใยในการพัฒนาและดำเนินการระบบรองรับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยเห็นว่าควรใช้ ระบบพร้อมเพย์ และ Thai QR Payment เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน ลดต้นทุนในการพัฒนาระบบ และใช้ประโยชน์สูงสุด
พร้อมเสนอหน่วยงานที่รับผิดชอบ ควรกำหนดกลไกลดความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริต ในขั้นตอนต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรม เช่น แนวทางการตรวจสอบรายได้และทรัพย์สินของผู้เข้าร่วมโครงการให้เป็นไปตามคุณสมบัติที่กำหนด การป้องกันการลงทะเบียนเป็นร้านค้าปลอม การกำหนดประเภทและขนาดของร้านค้า เพื่อรองรับเงื่อนไขการใช้จ่ายประเภทสินค้าต้องห้าม
โดยสรุป แบงก์ชาติ มีความเห็นว่า การพิจารณากรอบหลักการและรายละเอียดต่างๆ ของโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เป็นโครงการมีรายละเอียด ซับซ้อน ใช้งบประมาณจำนวนมาก กระทบต่อภาระการคลังในระยะยาว มีความเสี่ยงต่อการรั่วไหลหรือทุจริตในขั้นตอนต่างๆ จึงต้องรัดกุมอย่างเต็มที่ จึงเสนอให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวน และนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งจัดทำแนวทางหรือมาตรการแก้ไขประเด็นปัญหาหรือความเสี่ยงต่างๆ ให้เป็นรูปธรรมด้วย
ขณะที่นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์หลังเข้าพบ นายกรัฐมนตรี ว่า มารายงานความคืบหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นักข่าวก็ถามกรณีผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งหนังสือถึงครม. ให้ทบทวนหลักเกณฑ์โครงการดังกล่าวเหมือนเป็นการเตือน คุณเผ่าภูมิ บอกว่า "ไม่ใช่เป็นการออกหนังสือเตือน แต่เป็นเพียงการเสนอความคิดเห็น ซึ่งได้นำมาพิจารณาหลายครั้ง และมีความเห็นร่วมกันในคณะกรรมการ ก่อนที่จะเสนอมายังครม.และอนุมัติโครงการ ดังนั้น มั่นใจว่าไม่มีอะไรสะดุด ทุกอย่างยังคงเดินหน้าตามมติครม."
นักข่าวถามย้ำว่า มั่นใจว่าการเดินหน้าจะไม่ผิดกฎหมายใช่หรือไม่ คุณเผ่าภูมิ ยืนยันว่า มีการดูเรื่องข้อกฎหมายเป็นอย่างดี ซึ่งตัวกฎหมายเองไม่ได้มีอะไร แต่เป็นอำนาจหน้าที่ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ถึงแหล่งที่มาของงบประมาณ ซึ่งได้รับการยืนยันว่าไม่ติดอะไร และทางกฤษฎีกา ก็ไม่ได้มีการท้วงติงถึงข้อกฎหมายให้ระมัดระวังอะไรเป็นพิเศษ พร้อมยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ที่จะส่งให้กฤษฎีกา ตีความอีกครั้งเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เพื่อดูถึงความถูกต้องของข้อเสนอต่างๆ และยืนยันได้ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์
นายเผ่าภูมิ ยังพูดถึงความคืบหน้าการพัฒนาระบบซูเปอร์แอพที่จะมาใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่า จะมีการพัฒนาระบบร่วมกับแอพเป๋าตัง ส่วนหน้าตาของแอพนั้นจะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ระบบลงทะเบียน และระบบการใช้งาน ซึ่งก็จะเป็นแอพพลิเคชั่นใหม่ขึ้นมา
"ยืนยันว่าจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่ใช้ง่ายและจะยิ่งง่ายกว่าเดิม เนื่องจากมีการเชื่อมกับระบบธนาคารที่มีอยู่แล้ว และวอลเล็ต รวมถึงมีการเตรียมระบบรองรับผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนเรียบร้อยแล้ว