หอการค้าไทย เชื่อเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ-ลดปัญหาหนี้ครัวเรือนได้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ / นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมปลัดกระทรวงการคลัง และ ผอ. สศค ร่วมชี้แจง Digital Wallet โดยยืนยันเดินหน้าเต็มสูบ และยินดีที่มีการถกเถียงกันในสังคมวงกว้าง โดยมาตรการดิจิทัล วอลเล็ต จะช่วยกระตุกเศรษฐกิจให้เติบโตอีกครั้ง สร้างโอกาสการจ้างงาน การลงทุน และการผลิต โดยรัฐจะได้รับเงินคืนมาในรูปแบบภาษี และเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล มุ่งเป้าเศรษฐกิจเติบโต 5% ในระยะ 3-4 ปีข้างหน้า พร้อมย้ำว่าเงินทุกบาทยังเป็นไปตามกฎหมายธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ใช่การพิมพ์เงินขึ้นมาใหม่ หรือ เขียนโปรแกรมมาใหม่ แต่ใช้ในบาทดิจิทัลที่ถูกกำหนดเงื่อนไขการใช้ ให้มีมูลค่าเศรษฐกิจมากที่สุด และมีความเป็นไปได้ที่จะขยายพื้นการใช้ได้ทั้งจังหวัด ส่วนแหล่งที่มาของเงิน จะใช้งบประมาณเป็นส่วนใหญ่ โดยยึดมั่นในวินัยการเงินการคลัง ซึ่งทั้งหมดจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้


ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย แนะทางออก เสนอให้ทบทวนกลุ่มเป้าหมาย โดยช่วยแบบ ‘พุ่งเป้า’ เน้นเฉพาะคนลำบาก เดือดร้อน ส่วนกูรูทั้งหลาย ควรช่วยเสนอแนะทางออกที่ดีและสร้างสรรค์ ไม่ใช่อยู่ภายใต้การสร้างความหวาดกลัวจนเกินจริง ยันเศรษฐกิจในประเทศวันนี้ ฝืดเคืองอย่างยิ่ง ถามไม่เชื้อ ให้ไปถามพนักงานของตนเดู


ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังเชื่อว่าเงินดิจิทัล 10,000 บาท จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ แต่ขึ้นอยู่กับการออกแบบนโยบายและข้อกำหนดในการใช้จ่าย เช่น การสนับสนุนให้ใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ เป็นต้น ที่สำคัญ คือ ส่งเสริมให้นำเงินไปซื้ออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการทำมาหากิน ก็จะทำให้เงินหมุนได้หลายรอบ ซึ่งจากการสำรวจประชาชนในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ยังคงต้องการนโยบายนี้ พร้อมเสนอให้ทบทวนรัศมีในการใช้จ่าย และให้กันเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการบริหารจัดการน้ำรองรับเอลนีโญ

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/lylYLbDPIG0