พิษสงครามภาษีทรัมป์ IMF หั่นจีดีพีไทย โตต่ำสุดในอาเซียน ปีหนี้เหลือแค่ 1.8%

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตอกย้ำอัตราการเติบโตเศรษฐกิจของไทย ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจไทยลงต่ำสุดในอาเซียน โดยในรายงาน เวิลด์ อิโคโนมิค เอาท์ลุค (World Economic Outlook) ฉบับล่าสุด ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร IMF ได้ปรับแนวโน้มคาดการณ์จีดีพีไทยลงรุนแรง โดยมองว่า จีดีพี ไทยจะโตได้แค่ 1.8% ในปีนี้เท่านั้น จากเดิมที่คาดจะโตได้ 2.9% และจะลดลงเหลือ 1.6% ในปีหน้า จากคาดการณ์เดิม โต 2.6% ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ต่ำที่สุดในกลุ่ม “อาเซียน ไฟว์”

ขณะที่ประเทศในกลุ่ม“อาเซียน ไฟว์” IMF มองว่า อินโดนีเซีย จะโตได้ 4.7% ทั้งปีนี้และปีหน้า , เวียดนาม จะโต 5.2% ในปีนี้ และลดลงเหลือ 4.0 % ในปีหน้า , มาเลเซีย จะโตที่ 4.1% ในปีนี้ และ 3.8% ในปีหน้า ส่วน ฟิลิปปินส์ จะโตได้ 5.5% ในปีนี้ และปีหน้าจะขยายตัวได้ที่ 5.8% ซึ่งฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐ ถือเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียน ไฟว์ ที่มีแนวโน้มจีดีพีโตขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ สหรัฐกำหนดอัตราภาษีตอบโต้ต่อฟิลิปปินส์ ที่ 17%

ในรายงานฉบับเดียวกันนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจโลก เหลือ 2.8% ลดลง 0.5% จากการประมาณการในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และปีหน้าจีดีพีโลกจะอยู่ที่ 3% เท่านั้น ไอเอ็มเอฟ ยังระบุว่า กลุ่มประเทศเศรษฐกิจขั้นสูง (Advance Economy) กำลังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ โดยคาดว่าการเติบโตโดยรวมจะอยู่ที่เพียง 1.4% ในปีนี้ และ 1.5% ในปีหน้า โดยสหรัฐฯ จะเผชิญกับการถูกปรับลดครั้งใหญ่ที่สุด โดย IMF คาดในปีนี้ จีดีพี.สหรัฐฯ จะลดลง 0.9% เหลืออยู่ที่ 1.8% เท่านั้น เนื่องจากความไม่แน่นอนของนโยบายที่เพิ่มขึ้น ความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น และอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนตัวลง ส่วนการคาดการณ์ของเขตยูโรโซนจะลดลง 0.2% เหลือ 0.8%

การปรับลดคาดการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่า เกิดขึ้นหลังจากที่สหรัฐ ประกาศใช้ภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ ครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งส่งผลให้ภาษีศุลกากรทั่วโลกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในรอบศตวรรษ ซึ่งรายงานดังกล่าวระบุว่าเป็น “แรงกระแทกเชิงลบครั้งใหญ่” ต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก