เศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่ง น้ำมันโลกลง ทองคำไทยผันผวนหนัก หลัง 'ทรัมป์' ชนะเลือกตั้ง

โดย passamon_a

7 พ.ย. 2567

19 views

เมื่อวันที่ 6 พ.ย.67 ภายหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่ง บวกร้อนแรง แต่ราคาน้ำมันโลกปรับลดลงเล็กน้อย สวนทางราคาน้ำมันสิงคโปร์ที่ปรับขึ้น เช่นเดียวกับราคาน้ำมันไทยที่ปรับขึ้น 40 สตางค์/ลิตร  


ขณะที่ ราคาทองคำไทยผันผวนหนัก ระหว่างวันมีการเปลี่ยนแปลงราคาขึ้น-ลงถึง 33 ครั้ง ปิดตลาดที่เวลา 16.55 น. ราคาพุ่งขึ้น 400 บาท


โดยทองคำแท่ง ขายออกที่ราคาบาทละ 44,050 บาท และรับซื้ออยู่ที่บาทละ 43,950 บาท ส่วนทองรูปพรรณ ขายออก อยู่ที่บาทละ 44,550 บาท รับซื้ออยู่ที่บาทละ 43,160.52 บาท ตามประกาศครั้งที่ 33


นางสาวศิริลักษณ์ ปโกฏิประภา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด เปิดเผยว่า ราคาทองคำโลกในการซื้อขายช่วงเช้าเคลื่อนไหวในกรอบแคบ แต่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากกว่า 1.79% ในวันเดียว หลัง โดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำทิ้งห่าง กมลา แฮร์ริส อย่างมาก ซึ่งนโยบายของทรัมป์เกี่ยวกับการลดภาษี การกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุนภายในประเทศ และมาตรการการค้าข้ามประเทศที่เข้มงวด อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่า เงินบาทจึงอ่อนค่าดันราคาทองคำแท่งในประเทศพุ่งขึ้นแตะ 44,000 บาท ก่อนที่ช่วงบ่ายราคาทองคำจะร่วงลง ภายหลังคะแนนของแฮร์ริสเริ่มตีตื้นกลับมา แต่ก็มีแรงซื้อทองคำกลับเข้ามาเช่นกัน หลังจากตลาดคาดการณ์ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสชนะการเลือกตั้งสหรัฐฯ


โดยนโยบายของทรัมป์มีความเสี่ยงต่อหนี้สาธารณะสหรัฐสูง เงินเฟ้อสูง สงครามการค้ารุนแรง ซึ่งหนุนต่อราคาทองคำในระยะยาว ทำให้ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับราคา 33 ครั้ง แบบที่ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยนัก


“ปัจจัยที่ต้องติดตาม เป็นผลการเลือกตั้งสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ การเปิดเผยดุลการค้าเดือนกันยายนที่ผ่านมา และดัชนีพีเอ็มไอ ภาคบริการเดือนตุลาคม จากสหรัฐฯเช่นกัน โดยวิเคราะห์ราคาทองยังมีแรงผันผวนต่อเนื่อง หลังจากมีแรงเทขายออกมาในภาคบ่าย แต่ก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาเช่นกัน ซึ่งคาดว่าบริเวณแนวรับ 2,686-2,700 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะเป็นแนวรับสำคัญที่สามารถรับได้อยู่ในระยะสั้น แม้ภาพรวมของสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำระยะสั้นจะบ่งชี้การปรับตัวลง แต่คาดว่าเป็นการย่อตัวลงมาเพื่อปรับตัวขึ้นได้ต่อ”


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/aN1uOr37b6Y

คุณอาจสนใจ

Related News