เศรษฐกิจ

'เศรษฐา' ชี้ GDP ทั้งปีโตไม่ถึง 2% เหตุไม่มีเม็ดเงินในระบบ - 'จุลพันธ์' ลั่นพวกค้านเงินดิจิทัล อยู่แต่หอคอยงาช้าง

โดย nattachat_c

20 ก.พ. 2567

24 views

วานนี้ (19 ก.พ. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงตัวเลข GDP เดือนนี้อยู่ที่ 1.7% ขณะที่การเติบโตทั้งปีเพียง 1.9% ว่า


ทุกคนทราบความต้องการของตนเองอยู่แล้วว่า ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา ยังไม่สามารถใช้งบประมาณได้ แต่ทุกกระทรวงได้ใช้นโยบายเป็นตัวขับเคลื่อน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น


แต่วันนี้ ต้องยอมรับว่า ไม่มีเม็ดเงินใหม่เข้าไปในระบบเลย ซึ่งหลายสำนักมีการปรับประมาณการณ์ GDP ลงอย่างต่อเนื่องทุกเดือน ซึ่งรัฐบาลได้พยายามดำเนินการทุกมาตรการที่มีอยู่


ส่วนตัวขอฝากไว้ว่านโยบายดอกเบี้ยไม่ต้องใช้งบประมาณ ซึ่งขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5%หากลดลงเหลือ 2.25% เพียงสลึงเดียวก็จะช่วย บรรเทาภาระของพี่น้องประชาชนทุกคนได้แต่เขาไม่ลดกัน


เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้พูดเรื่องนี้มาตลอด แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น

นายกรัฐมนตรี ถามกลับว่า ดอกเบี้ยนโยบายใครเป็นคนควบคุม ก็คือธนาคารแห่งประเทศไทย ตนพูดคุยกับเลขาธิการสภาพัฒน์ ก็บอกว่า เราได้ทำทุกวิถีทางแล้ว  และมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเลขาธิการสภาพัฒน์ระบุว่าได้คุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยว่า ถึงเวลาที่จะต้องลด


ตนจึงบอกว่าทำไมไม่พูดคุยต่อหน้าสาธารณะชนบ้าง และพูดคุยในภาษาที่ชัดเจน ซึ่งทั้งเลขาสภาพัฒน์ ผู้ว่าแบงก์ชาติและตนเองต่างก็จบเศรษฐศาสตร์มา ตรงนี้เราไม่ได้มาเอาชนะกันแต่ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะมีการลดดอกเบี้ยเกิดขึ้น เพื่อรองบประมาณที่จะคลอดออกมา


ตนก็ได้สอบถามกับเลขาธิการสภาพัฒน์ว่าสามารถทำอะไรได้อีก หากมีอะไรที่ทำได้ก็ขอให้เสนอมา ตนไม่ได้จมปรักอยู่กับการลดดอกเบี้ยอย่างเดียว แต่การลดดอกเบี้ยเป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชน คนไทยทุกคน ซึ่งเห็นอยู่แล้วสำหรับตัวเลขที่ออกมา อย่างเช่น นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ก็พยามที่จะออกมาให้เร็วที่สุด


เมื่อถามว่า รัฐบาลมีการนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ออกมามากพอที่จะเดินหน้าโดยไม่ต้องพะวงเรื่องเงินดิจิทัลได้หรือยัง

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่างที่ตนบอกไป มีทั้งข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และข้อสังเกตของคณะกรรมการกฤษฎีกา และหลายคนก็เสนอมาเราก็ต้องรับฟัง


“ถ้าผมไม่รับฟังเดี๋ยวพวกท่านก็มาบอกอีกว่าไม่รับฟัง ก็พยายามทำให้อยู่ในกรอบเวลาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก็บอกแล้วว่า เพิ่งเห็น ก็ขอเวลา ซึ่งตนก็ยินดีมีอะไรก็บอกมา ก็ยินดีรับฟัง”


เมื่อถามต่อว่า ที่ผู้ว่าแบงก์ชาติขอเวลา แต่ไม่ได้บอกว่าขอเวลานานเท่าไหร่ใช่หรือไม่

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนก็บอกไปว่าขอเร็วที่สุดแล้วกัน ให้ได้ภายใน 30 วัน อีก 1-2 สัปดาห์ค่อยมาว่ากัน


ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่า การเติมเงินเข้าไปในระบบจำนวน 500,000 ล้านบาท จะทำให้เงินเฟ้อหรือไม่

นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ปัจจุบันนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อติดลบอยู่แล้ว หากจะบอกว่าติดลบจากการที่รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนผ่านมาตรการลดราคาน้ำมัน หรือพยุงราคาไฟฟ้า ซึ่งหากถอดดัชนีตรงนี้ออกไป เงินเฟ้อขึ้นมาไม่ถึง 1% ยังไม่ถึงกรอบต่ำสุดด้วยซ้ำ ซึ่งหลายเรื่องที่รัฐบาลทำต้องใช้เวลา รวมไปถึงโครงการดิจิทัล วอลเล็ตด้วย


หากทุกคนเห็นด้วย และพิสูจน์ให้ได้ว่าไม่มีการทุจริต และประพฤติมิชอบ ก็จะพยามทำให้เร็วที่สุด อยากจะให้เกิดขึ้นภายในเดือนพฤษภาคม


ส่วนนโยบายอื่นก็พยายามดำเนินการอยู่ ซึ่งรัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างที่สามารถทำได้


ณ วันนี้ ยินดีรับฟังว่าอยากให้รัฐบาลทำอะไร แต่ต้องคำนึงว่างบประมาณสามารถใช้ได้หรือไม่ อย่างเร็วที่สุด 1 เมษายน ซึ่งพยายามเร่งอยู่แล้ว

-------------
ต่อมา นายเศรษฐา ทวีสิน ได้ทวีตรูปโควตของนายดรุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่บอกว่า สิ่งที่พิจารณาในช่วงถัดไปอย่างจริงจัง คือ มาตรการด้านการเงินน่าจะต้องมามีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าให้ได้ โดยเฉพาะการลดภาระครัวเรือนและเอสเอ็มอี  อย่างมาตรการอัตราดอกเบี้ยต่าง ๆ ต้องพาจารณาจริงจัง


และทวีตข้อความระบุว่า 


น่าจะพูดก่อนการประชุม กนง อาทิตย์ที่แล้วนะครับ ไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ของพูดตอนนี้เพื่ออะไร หรือบอกว่าผมทำหน้าที่ของผมแล้ว ซึ่งจริง ๆ แล้วควรจะทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้?


และอีกทวีตว่า

ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมวันนี้ บ่งบอกถึงสถานะของเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะ critical stage ท่านเลขาเองก็เห็นด้วยกับการที่ควรต้องมีการลดดอกเบี้ย อยากขอวิงวอนให้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เรียกประชุมคณะกรรมการเป็นการเร่งด่วน เพื่อพิจารณาการลดดอกเบี้ยโดยไม่คอยถึงการประชุม scheduled ไว้

-------------

ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย ชี้ว่า เศรษฐกิจไทยเข้าสู่ภาวะชะงักงัน 


เศรษฐกิจชะงักตัวต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2 

-------------
วานนี้ (19 ก.พ. 67) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวกับประชาชนในพื้นที่อำเภอหนองวัวซอที่มาร่วมงานถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ขณะนี้ อุปสรรคมีเพราะมันมีคนที่บอกว่าไม่ควรให้คนรวย และให้ตัดออก และบอกว่าให้เฉพาะกลุ่มเปราะบาง เฉพาะคนทุกคนยาก บางคนบอกว่าไม่ควรให้เลย


แต่ตนขอบอกว่าวันนี้เศรษฐกิจมันวิกฤติ มันไม่ดี ฉะนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจถือเป็นสิ่งจำเป็น โดยวันนี้เรายืนยันว่า ถึงจะมีอุปสรรคพวกผมเดินหน้าแน่นอน ยังไงก็ต้องแจก 10,000 บาท ผ่านระบบดิจิทัลวอลเล็ต ให้กับประชาชนให้ได้ แต่ตนก็ขอความเห็นใจจากทุกคน ว่า


“ท่านก็เห็นแล้วว่ามีหนังสือ จากหน่วยงานรัฐบางหน่วย หรือมีการคัดค้านจากหน่วยงานบางกลุ่มบางคน บางคนอยู่บนหอคอย ไม่ได้ลงมาสัมผัสกับประชาชนอย่างพวกเรา เพราะเขามองว่ามันไม่มีความจำเป็น กำลังของประชาชนยังมี ขอให้ประชาชนลองตบกระเป๋าตัวเองดูว่ายังมีเงินอยู่หรือไม่


ฉะนั้น ขอบอกกับประชาชนว่า วันนี้หากเขาไม่เข้าใจในสิ่งที่พวกตนกำลังจะทำ ดังนั้นก็ต้องทำความเข้าใจกับเขา พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลจะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกเงินดิจิทั ให้กับ 50 ล้านคน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคน เพราะทุกคนจะได้นำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ มี 1 คนก็ 10,000 บาท คนในครอบครัวมี 5 คนก็ 50,000 บาท ซึ่งมันจะเปลี่ยนชีวิตได้”


นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเขาไม่เข้าใจพวกตนก็ต้องทำความเข้าใจ แต่ก็ขอความเห็นใจกับประชาชนว่ามันอาจจะช้า เพราะเลื่อนมาตั้งแต่กุมภาพันธ์มาจนถึงพฤษภาคม และอาจจะเลื่อนออกไปอีก หากถามว่าทำไมต้องเลื่อน ก็ถ้าหากจะเปิดประตูเข้าบ้านแล้วมันดักตีหัว อยู่ข้างใน จะให้ตนเข้าไปหรือ ตนก็ต้องอดทนและพี่น้องก็ต้องอดทนรอ แต่ไม่นานเกินรอมาช้าแต่มาชัวร์ 10,000 บาท


ต้องถึงมือพวกท่านทุกคนให้ได้ ฉะนั้นจึงขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้กับรัฐบาล ที่ทำงานให้ท่านสุดตัวและทุกวัน และขอกำลังใจให้กับนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเดินหน้าเปลี่ยนประเทศ และทำให้สี่ปีข้างหน้า มีชีวิตที่ดีขึ้นและเศรษฐกิจที่ดีขึ้นให้ได้

---------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/QS08BBSAN18

คุณอาจสนใจ

Related News