เศรษฐกิจ

‘เศรษฐา’ จับมือ ‘ภูมิธรรม’ จี้แบงก์ชาติ ลดดอกเบี้ยเหลือ 2.25 % กระทุ้งผู้ว่าฯ ธปท.อย่าถือทิฐิ

โดย petchpawee_k

7 ก.พ. 2567

118 views

วานนี้ (6 ก.พ.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึง สถานการณ์เงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่อง 4 เดือน ว่า นโยบายการเงินและการคลัง ได้พูดคุยผ่านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. อยู่แล้ว ทั้งเรื่องตัวเลข การประกาศเงินเฟ้อ และมาตรการลดค่าใช้จ่ายช่วยเหลือประชาชน พร้อมย้ำว่า เรื่องเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยเป็นเรื่องใหญ่ แต่อย่าลืมว่าเงินเฟ้อที่ติดลบ ส่วนหนึ่งมาจากที่รัฐบาลออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน ลดรายจ่าย แสดงให้เห็นว่าเรื่อง เงินเฟ้อนั้นไม่มี แต่หากเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องของต้นทุนสินค้าที่สูงขึ้น แต่รัฐบาลสามารถคุมได้จึงทำให้ไม่มีเงินเฟ้อ


ส่วนมาตรการที่จะขึ้นดอกเบี้ย หรือไม่ลดดอกเบี้ยก็ดูที่ความต้องการ หากไม่มีความต้องการก็ไม่มีเงินเฟ้อ แปลว่านี่คือความปลอดภัยที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยได้แล้ว เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะหากลดดอกเบี้ยแล้วมีปัญหาเรื่องของความต้องการที่มีจำนวนมากอาจจะก่อให้เกิดเงินเฟ้อได้ แต่จากที่ดูตัวเลขของทั้งสองด้านแล้ว เรื่องของราคาต้นทุนและเงินเฟ้อในอดีต เชื่อว่าพื้นที่การลดดอกเบี้ยมีอยู่จำนวนมาก ซึ่งได้พูดคุยอย่างชัดเจน เรื่องความเห็นต่างและทิฐิ ส่วนตัวนั้นไม่ทราบ


แต่เรื่องตัวเลขเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 นั้น เรื่องของมาตรการที่รัฐบาลพยายามช่วยเหลือประชาชน เป็นบรรเทารายจ่ายให้กับประชาชน แต่ขณะนี้รัฐบาลไม่มีงบประมาณที่สามารถใช้จ่ายได้ เนื่องจากงบประมาณปี 2567 ต้องรอเดือนพฤษภาคมก่อน


ขณะนี้รัฐบาลขับเคลื่อนช่วยประชาชนได้เพียงแค่นโยบายอย่างเดียว ทั้งเรื่องวีซ่าฟรี นโยบายการกระตุ้นการลงทุน จากบริษัทข้ามชาติที่พยายามเข้ามาลงทุน ดังนั้น จึงต้องการให้เกิดการลงทุน และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ซึ่งการลดดอกเบี้ยถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นภาระของค่าใช้จ่าย หากลดดอกเบี้ย อัตราการเกิดเงินเฟ้อก็แทบจะไม่มีความเสี่ยง


ส่วนมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เหมือนเป็นการกระตุกแขน กระตุกขารัฐบาล เรื่องโครงการดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนไปพิจารณาเอง แต่คิดว่ายังสามารถทำงานกันต่อไปได้ พร้อมย้ำว่า นโยบายการเงินการคลังจะต้องเดินควบคู่กันไป วันนี้เป็นที่ประจักษ์กรอบเงินเฟ้อติดลบ ดังนั้น อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 ต้องลดลงไปเหลือร้อยละ 2.25 ก็ยังมีพื้นที่หากเกิดภาวะวิกฤติ


เมื่อถามว่าจะทำยังไงให้ความเห็นที่ต่างลงตัวกันได้ นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ได้พูดคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยอยู่ตลอด และพูดกันตรงไปตรงมา ไม่มีการก้าวร้าวต่อกัน ตัวเลขก็เป็นบทพิสูจน์อยู่แล้ว ก็เห็นด้วยกันไม่มีใครมาถกเถียงว่าไม่จริง ไม่ตรง ต้องยอมรับว่าภาวะเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหา ดังนั้น การลดดอกเบี้ยต้องตระหนัก และขอฝากคณะกรรมการ นโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่จะประชุมกัน


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ ว่า นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นคนกำหนดวัน คาดว่ากลางสัปดาห์หน้า และการประชุมนั้นสามารถเดินหน้าคู่ขนานกับการรอความเห็นจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ ซึ่งคงจะมีคำแนะนำจาก ป.ป.ช. ในเร็วๆ นี้

ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การดำเนินการมาตรการของรัฐทำให้เกิดเงินเฟ้อ ตนคิดว่าต้องทบทวนว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าจะเกิดปัญหาโดยเป็นประเด็นจากเราที่ดำเนินการไป จะไม่เกิดไม่นานต่อเนื่องอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่ามันมีปัญหาที่ดำรงอยู่


ในทางปฏิบัติรัฐบาลได้ใช้มาตรการการคลังเกือบทุกเรื่องแล้ว ทุกกระทรวงได้ดำเนินการ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้มันคือปัญหามาตรการทางการเงิน

นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ใช้มาตรการทางการคลังเต็มที่แล้ว ถ้าหากต้องการให้ปัญหาได้รับการแก้ไข มาตรการทางการคลังต้องทำควบคู่ไปกับมาตรการทางการเงิน

วันนี้ต้องถามว่า ผู้ที่ดูแลมาตรการทางการเงิน ได้ดำเนินการอะไรบ้าง จะลดดอกเบี้ยไหม จะดูดซับสิ่งต่าง ๆ หรือไม่ ผมว่าตอนนี้ภาระหน้าที่อยู่ที่แบงก์กับผู้รับผิดชอบดูแลมาตรการทางการเงิน ต้องดูทั้งสองเรื่องเป็นขาที่ประกอบกันถึงจะแก้ปัญหาได้


นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้วิกฤตการณ์ไม่ใช้วิกฤตการณ์ทั่วไปธรรมดา มันมีวิกฤตการณ์ทางการเงินเข้ามาประสานไปด้วย มาตรการทางการเงินเราเห็นหน่อที่มันจะเกิด เห็นแนวที่มันจะมีปัญหา เป็นความกังวลของรัฐบาล


แบงก์ชาติต้องดูให้ละเอียด อย่าไปดูเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรืออย่าไปเพ่งเล็ง เอาใจใส่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ต้องดูทั้งระบบ วันนี้จะแก้ไขวิกฤตการณ์ของประเทศได้ต้องรวบรวมกันทุกฝ่าย ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งจะทำ อีกฝ่ายหนึ่งยังค้านอยู่ จะไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมเกิดขึ้น ถ้าเกิดว่ามันเป็นอย่างที่เรากังวลและคาดหวังไว้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือความล้มเหลวหรือวิกฤตการณ์ที่จะเกิดขึ้นใหม่

นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมองว่า หนึ่ง ดิจิทัลวอลเล็ตเป็นประเด็นสำคัญที่จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อทั้งหมด และหลาย ๆ มาตรการกำลังรออยู่ มาตรการหลักยังไม่ขยับ ทำให้หลายเรื่องทำไม่ได้


นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้รัฐบาลมาบริหารประเทศเกือบ 5 เดือนแล้ว อยู่ภายใต้ที่ไม่มีเงินดำเนินการเลย ไม่มีเงินลงทุน เพราะงบประมาณปี 67 จะใช้ได้ คือ เดือนพฤษภาคม

นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยากวิงวอนขอร้องผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อยากให้ดูทั้งระบบ อย่าให้เป็นเรื่องที่ติดใจเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เพราะการมองแยกส่วน ไม่มองทั้งระบบ ก่อให้เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 40 มาแล้ว

สิ่งสำคัญต้องไปถามผู้ดูแลการเงินของประเทศว่า คิดอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างนี้ เห็นด้วยหรือเป็นปัญหาไหม ถ้าคิดว่าไม่มีปัญหาเราก็ต้องดูอนาคต ว่าใครประเมินและมองถูกกว่ากัน ถ้ามันเกิดวิกฤตอย่างที่รัฐบาลบอก ผู้บริหารการเงินทั้งหลาย ที่ไม่ Alert และไม่สามารถเข้ามาดูแล ไม่จัดการ ก็ต้องรับผิดชอบ 



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Glqh-QPbvd8

คุณอาจสนใจ

Related News