เศรษฐกิจ

ไทยเฮ! พบ 'ลิเธียม' กว่า 14.8 ล้านตัน เป็นอันดับ 3 โลก เล็งเป็นฮับผลิตแบตฯ รถ EV

19 ม.ค. 2567

900 views

เมื่อวานนี้ (18 ม.ค.67)  นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้เร่งสำรวจ จนพบแหล่งแร่ลิเธียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติและแหล่งบางอีตุ้ม กว่า 14,800,000  ล้านตัน (Million Tonne: Mt) ส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่ค้นพบแร่ดังกล่าวมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากโบลิเวีย และอาร์เจนตินา


ล่าสุด ไทยยังค้นพบแหล่งแร่โซเดียมในพื้นที่ภาคอีสานปริมาณสำรองอีกจำนวนมาก ซึ่งแร่ทั้งสองชนิดนี้ถือเป็นแร่หลักหรือวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) 100%  ถือเป็นทั้งข่าวดี และเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย ทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ครอบครองแร่ลิเธียมมากที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงาน ท่ามกลางการแข่งขันของนานาประเทศ เพื่อให้ไทยมุ่งสู่การเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาค  ทำให้ไทยกลายเป็นหมุดหมายที่สำคัญยิ่งในแผนที่โลก ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตแบตเตอรี่ EV  ซึ่งคาดว่า จะเห็นการลงทุนทั้งซัพพลายเชนที่เป็นรูปธรรมภายใน 5 ปีนี้ จากปัจจุบันที่มีผู้ผลิตแบตอีวี เข้าลงทุนไทยแล้ว 7 ราย


ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการลิเธียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าภายในปีพ.ศ. 2568 และจะต้องการมากกว่า 2 ล้านตันภายในปี พ.ศ. 2573


ขณะที่ สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย คาดยอดขายรถ EV พุ่งเท่าตัวในปีนี้ หรือ ทะลุ 150,000 คันภายในสิ้นปีนี้  เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์จีนเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ซึ่งจะทำให้รถ EV คิดเป็นสัดส่วน 20% ของยอดการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมดในไทยในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 12% ในปีที่ผ่านมา


ล่าสุด วานนี้ (18 ม.ค.67)  กรมสรรพสามิต ทำ MOU ร่วมกับ 3 ค่ายรถอีวี ประกอบด้วย ฉางอาน , เอ็มจี และเกรท วอลล์ฯ เดินหน้า EV 3.5 ต่อ  หลังเข้าร่วม EV 3.0 มาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งกรมสรรพสามิตเตรียมงบฯ 10,000 ล้านบาทจ่ายอุดหนุนต่อเนื่อง

-------------
เมื่อวันที่ 18 มกราคม นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงศักยภาพประเทศไทยในการผลิตแร่ลิเทียมป้อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน ว่า ขณะนี้ประเทศไทยถือว่าได้รับความดีอย่างยิ่ง เพราะมีศักยภาพทั้งแร่ลิเธียมและไอออน ที่เป็นแร่หลักในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า100% หรือแบตฯอีวี หลังกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่(กพร.) ระบุว่าไทยมีแหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ได้แก่ แหล่งเรืองเกียรติ มีปริมาณสำรองประมาณ 14.8 ล้านตัน เกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45% และแหล่งบางอีตุ้มที่อยู่ระหว่างการสำรวจขั้นรายละเอียดเพื่อประเมินปริมาณสำรอง และเมื่อเร็วๆนี้ มหาวิทยาลัยได้แจ้งว่าไทยมีศักยภาพของแร่ไอออนในพื้นที่ภาคอีสานปริมาณสำรองจำนวนมากเช่นกัน


"กรณีประเทศอื่นในอาเซียนที่พบแร่ ส่วนใหญ่เป็นแร่นิกเกิล และอื่นๆ จนมีข่าวว่าค่ายรถอีวีเข้าไปลงทุน ซึ่งแร่ดังกล่าวไม่ใช่แร่หลักในการผลิตแบตฯอีวี แต่ของไทยถือเป็นแร่หลักทั้ง 2 ชนิด ดังนั้นถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ภาครัฐควรเร่งสนับสนุนทั้งการสำรวจ การผลิต ไปจนถึงดึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติที่มีศักยภาพเข้ามาตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ เพื่อให้ไทยเป็นฐานผลิตหลักของภูมิภาค เชื่อหากเดินหน้าจริงจัง จะเห็นการลงทุนทั้งซัพพลายเชนที่เป็นรูปธรรมภายใน 5 ปีนี้ ฐานผลิตนี้จะสอบรับกับเป้าหมายการเป็นฐานผลิตรถยนต์อีวีของภูมิภาค จนทำให้อุตสาหกรรมอีวีของไทยโดดเด่นทั้งการผลิตแบตฯและรถยนต์ไฟฟ้า" นายสุรพงษ์ กล่าว


นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ผลิตแบตอีวีเข้าลงทุนไทยแล้ว 7 ราย ประกอบด้วย

1.โรงงาน HASCO-CP BATTERY SHOP บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอ็มจี

2. บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA

3.บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด กับเทคโนโลยี เบลด แบตเตอรี

4.บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด

5.บริษัท เอ็นวี โกชั่น จำกัด ผลิตร่วมกับ บริษัท นูออโว พลัส จำกัด(เครือปตท.)

6.บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด

และ 7.ซีเอทีแอล หรือ Contemporary AmperexTechnology Co., Ltd (CATL) ผู้ผลิตแบตอีวีชั้นนำของโลกของจีน ร่วมกับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด เครือปตท.

-------------

นายอดิทัต วะสีนนท์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กล่าวว่า ที่ผ่านมา กพร. ในฐานะเป็นหน่วยงานหลักในการจัดหาและบริหารจัดการวัตถุดิบเพื่อรองรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ได้อนุญาตอาชญาบัตรพิเศษจำนวน 3 แปลง เพื่อสำรวจแหล่งลิเทียมในพื้นที่อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา ซึ่งจากผลการสำรวจพบว่า หินอัคนีเนื้อหยาบมากสีขาวหรือหินเพกมาไทต์ ซึ่งเป็นหินต้นกำเนิดที่นำพาแร่เลพิโดไลต์สีม่วง หรือแร่ที่มีองค์ประกอบของลิเทียมมาเย็นตัวและตกผลึกจนเกิดเป็นแหล่งลิเทียมที่มีศักยภาพ 2 แหล่ง ได้แก่…


  • แหล่งเรืองเกียรติ มีปริมาณสำรองประมาณ 14.8 ล้านตัน เกรดลิเทียมออกไซด์เฉลี่ย 0.45%
  • แหล่งบางอีตุ้มที่อยู่ระหว่างการสำรวจขั้นรายละเอียดเพื่อประเมินปริมาณสำรอง


โดยลิเธีนอกจากนี้ กพร.ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถ Reuse และ Recycle แบตเตอรี่ที่ใช้แล้วและนำกลับมาใช้เป็นแหล่งพลังงานซ้ำ (Second Life EV Batteries) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อาคารบ้านเรือน สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการบริหารจัดการแบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานแล้วในอนาคตตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย

โดยลิเทียมจากแหล่งเรืองเกียรติ หากมีการอนุญาตประทานบัตรเพื่อทำเหมือง คาดว่าจะสามารถนำแร่ลิเทียมมาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาด 50 kWh ได้ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคัน ที่สำคัญคือเทคโนโลยีการแต่งสินแร่ลิเทียมในปัจจุบันสามารถควบคุมและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนได้เป็นอย่างดี


นอกจากนี้ กพร.ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถ Reuse และ Recycle แบตเตอรี่ที่ใช้แล้วและนำกลับมาใช้เป็นแหล่งพลังงานซ้ำ (Second Life EV Batteries) สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก อาคารบ้านเรือน สำนักงาน หรือโรงงานอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร เพื่อรองรับการบริหารจัดการแบตเตอรี่ที่ผ่านการใช้งานแล้วในอนาคตตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/3sh1EopGmVA




คุณอาจสนใจ

Related News