ไม่ได้รางวัล เพราะเราไม่ส่งประกวด! แจงเหตุ 'ข้าวไทย' ไม่ติดท็อป 3 - 'ธรรมนัส' ยันข้าวไทยคุณภาพดีกว่าเวียดนาม

วานนี้ (6 ธ.ค. 66) The Rice Trader (TRT) เผยแพร่เอกสารข่าว การประกาศผลการประกวดข้าวที่ดีที่สุดในโลก The World’s Best Rice 2023 ในการประชุมข้าวโลก 2023 (2023 International IWRC) ณ เมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์

ผลปรากฏว่า ข้าวสายพันธุ์ ST25 ของเวียดนาม ได้รับรางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2566 เอาชนะพันธุ์ข้าวที่ส่งเข้าประกวดราว 30 ตัวอย่าง จากหลายประเทศ

ทั้งนี้ มีข้าว 3 พันธุ์เท่านั้น ที่ผ่านเข้ารอบ 3 อันดับแรก ได้แก่

• พันธุ์ข้าวจากกัมพูชา
• พันธุ์ข้าวจากอินเดีย
• พันธุ์ข้าวจากเวียดนาม โดยพันธุ์ข้าวจากเวียดนาม ซึ่งพัฒนาโดยวิสาหกิจเอกชนของเวียดนาม ได้รับเสียงเป็นเอกฉันท์จากเชฟทุกคน

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ในช่วงปี 2563 - 2564 ข้าวหอมมะลิ 105 จากไทย ได้รับรางวัลข้าวที่ดีที่สุดในโลก 2 ปีซ้อน

แต่แล้วในปี 2565 ข้าวหอมมะลิผกาลำดวนของกัมพูชา สามารถเอาชนะข้าวหอมมะลิจากไทย และคว้าแชมป์ประกวดข้าวโลกประจำปี 2565 ไปได้

นอกจากนี้ ในปี 2566 นับเป็นปีที่ 2 แล้ว ที่ข้าวจากไทยไม่ได้แชมป์ในการประกวดข้าวโลก

โดยเฉพาะในปีนี้ ข้าวจากไทยไม่สามารถผ่านเข้ารอบ 3 อันดับแรกได้

จนกลายเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาล ที่ต้องเร่งแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมา ภาคเอกชน ผู้ส่งออกข้าวได้พยายามเสนอแนะให้มีการพัฒนาพันธุ์ข้าวมาอย่างต่อเนื่อง

-------------

วานนี้ (6 ธ.ค. 66) นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงกรณีการแข่งขันข้าวที่ดีที่สุดในโลกประจำปี 2566 ในการประชุมสุดยอดข้าวโลกนานาชาติ ประจำปี 2566 ที่เมืองเซบูประเทศฟิลิปปินส์ ระหว่างวันที่ 28-30 พฤศจิกายน จัดโดย The Rice Trader ว่า 

ข้าว ST25 ของเวียดนาม เป็นผู้ชนะการแข่งขัน ตามมาด้วยข้าวจากกัมพูชา และอินเดีย นั้น ข้อเท็จจริงคือ สมาชิกสมาคมคุยกันแล้วว่า ปีนี้ ไทยจะไม่ส่งข้าวทุกชนิดเข้าประกวด และสมาคมฯจะไม่ส่งข้าวประกวดในงานนี้ในปีถัด ๆ ไป เนื่องจากเห็นว่าระยะหลัง ๆ มาตรฐานชี้ขาดไม่ถูกต้อง และไม่เป็นกลาง ทำให้อย่างไร ปีนี้ไทยก็ไม่ติดอันดับใด ๆ

“ที่ผ่านมา 14 ปี ไทยส่งประกวดมาตลอด แต่ปีก่อน เราเห็นถึงบางประการที่ไม่เป็นกลาง ปีนี้ ได้หารือในสมาคมแล้วเห็นว่า จะไม่ส่ง และ มองว่าผลตัดสินออกมาในแง่ไม่ดีขึ้น ก็จะกลายเป็นประเด็น ทั้ง ๆ ที่ ข้าวไทยได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และ ส่งมอบได้ตรงเวลา ดูได้จากการส่งออกที่ยังได้เป้าหมาย ไม่น้อยกว่า 7-8 ล้านตันต่อปี”

นายชูเกียรติ กล่าวว่า สมาคมคงไม่ดำเนินการอะไรจากนี้ ส่วนต่อไป จะมีบริษัทใดส่งประกวดเอง ก็เป็นสิทธิของบริษัทนั้น

------------

กระทรวงเกษตรเวียดนาม รายงานว่า

มูลค่าการส่งออกข้าวของประเทศ ระหว่างเดือน ม.ค. - พ.ย. 2566 อยู่ที่เกือบ 7.8 ล้านตัน สร้างรายได้เข้าประเทศราว 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 154,671 ล้านบาท)

นับเป็นสถิติสูงที่สุดทั้งในแง่ปริมาณและมูลค่า อีกทั้งเข้าใกล้เป้าหมายคือ ส่งออกข้าวให้ได้ 8 ล้านตัน ในปีนี้ เพื่อแซงไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ส่วนอันดับ 1 ยังคงเป็นอินเดีย

ด้าน สมาคมอาหารเวียดนาม รายงานว่า ราคาข้าวหัก 5% ของเวียดนาม มีราคาขายอยู่ที่ 663 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน (ราว 23,309.09 บาท) ณ ราคาตลาดโลก เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา เป็นสถิติสูงที่สุดในรอบ 10 ปี

ส่วนราคาข้าวหัก 5% ของไทย มีราคาขายอยู่ที่ตันละ 625 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 21,973.13 บาท)

ทั้งนี้ ประเทศผู้ซื้อข้าวรายใหญ่ของเวียดนาม ได้แก่ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และจีน

------------

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า ข้าวเวียดนามชนะข้าวไทย ในแง่ของปริมาณ เมื่อเทียบกับผลผลิตต่อไร่ แต่เมื่อเทียบคุณภาพ ข้าวหอมมะลิไทย เรายังเป็นที่หนึ่ง

เพราะเรามีเอกลักษณ์ของตัวเอง และทราบมาว่า มีการลักลอบนำข้าวเวียดนามมาปลูก ซึ่งการกระทำแบบนี้ผิดกฎหมาย เราต้องมีจุดยืนเป็นของตัวเอง ไม่ทำตามกระแส เมื่อผู้ส่งออกข้าวต้องการจะส่งออกข้าวในปริมาณที่เยอะ จึงได้ลักลอบนำข้าวจากต่างประเทศมาปลูก แล้วให้กรมการข้าว และกรมวิชาการเกษตร มารับรอง ซึ่งมันทำไม่ได้

ทั้งนี้ ในการปลูกข้าวฤดูกาลหน้า กรมการข้าวจะประกาศ และรับรองพันธุ์ข้าวใหม่ที่มีผลผลิตต่อไร่สูง และมีคุณภาพที่ดี 

------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/BmRKTh5hO5o