เลขาฯ ‘สภาพัฒน์’ แจงข้อข้องใจ การบริโภคภาคเอกชนพุ่ง สวนทางยอดภาษี VAT

วานนี้  (22 พ.ย.66) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ชี้แจงกรณีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงลี กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ ถึงประเด็นที่สภาพัฒน์ฯ รายงานตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนในไตรมาส 3 ของปีนี้ ปรับตัวดีขึ้น 8.1% แต่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกลับปรับตัวลดลง

โดยเลขาฯ สภาพัฒน์ ชี้แจงว่า โดยข้อเท็จจริงการพิจารณาตัวเลขอัตราการบริโภคภาคเอกชน ไม่ได้พิจารณาจากตัวเลขการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพียงอย่างเดียว VAT เป็นเพียงปัจจัยตัวหนึ่งที่มีการนำไปคำนวณอัตราบริโภคภาคเอกชน ซึ่งก็คือ การบริโภคภาคครัวเรือน โดยสภาพัฒน์ฯ มีการนำข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบหลายแห่งมาประกอบการพิจารณา ทั้งในส่วน VAT ของกรมสรรพากร , ยอดขายสินค้าอุปโภคบริโภค , ยอดขายรถยนต์ และดูข้อมูลสำรวจการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่มีการสำรวจทุกไตรมาส ต้องดูข้อมูลเหล่านี้้ประกอบกัน

ส่วนข้อสงสัยว่าการบริโภคภาคเอกชนพุ่งสวนทางกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เลขาฯสภาพัฒน์ อธิบายว่า VAT ของสินค้าที่นำเข้ามีการปรับลดลงจริงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เพราะตัวเลขการนำเข้าของไทยลดลง ซึ่งก็ตรงกับที่เคยรายงานไปแล้วว่า การนำเข้าสินค้าในไตรมาส 3 มีการปรับตัวลดลง เช่นเดียวกับภาคการส่งออกก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน แต่หากดูรายได้จากการเก็บ VAT ภายในประเทศ โดยไม่รวมการนำเข้า ข้อมูลของสภาพัฒน์ไตรมาส 3 ที่รายงานไป ก็จะเห็นว่ามีการเติบโตที่ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ ยังสูงกว่าประมาณการไตรมาส 3 ที่ทำไว้ก่อนหน้าที่ประมาณ 2%

แต่ทั้งนี้การบริโภคภาคเอกชน จะมีเรื่องของการใช้จ่ายภาคบริการเข้ามารวมอยู่ด้วย ซึ่งหากมีการใช้จ่ายในส่วนนี้ที่เป็นของภาคธุรกิจ ข้อมูลตัวชี้วัดจะไปรวมอยู่ที่ส่วนของโรงแรม ภัตตาคาร ที่แยกออกไป แต่ตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้น 8.1% นี้ จะเป็นเรื่องการใช้จ่ายจริงของภาคครัวเรือนซึ่งการดูข้อมูลเหล่านี้ จำเป็นต้องนำมากระทบยอด (Reconcile) ข้อมูลจากหลายส่วนเข้าด้วยกัน ไม่ได้นำแค่ VAT มาพิจารณาเพียงอย่างเดียว

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/mtlr6oGJIYQ