เศรษฐกิจ

ข้าราชการว้าวุ่นเลย! วิจารณ์สนั่น แบ่งจ่ายเงินเดือน 2 งวด โฆษกรัฐบาลอธิบายที่มา

14 ก.ย. 2566

239 views

จากกรณี วานนี้ (13 ก.ย. 66) ที่ประชุม ครม. มีมติ แบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการออกเป็นสองงวด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดสภาพคล่องทางด้านการเงินของข้าราชการ เริ่มใช้ในต้นปีหน้า จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า จะกระทบในภาพรวมประเทศ


ทีมข่าว ได้ไปสอบถามทั้งข้าราชการ และ พนักงานราชการทั่วไป ที่ จ.ขอนแก่น ดังนี้


นางชมพู อายุ 49 ปี ข้าราชการ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ถึงนโยบายปรับเงินเดือนข้าราชการแบ่งจ่ายสองงวด ว่า


ส่วนตัวมองว่า เรื่องผลกระทบในการใช้จ่ายเงินเดือนนั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการเงินที่ได้รับมาในแต่ละเดือน ให้เพียงพอกับรายจ่ายที่มีการกำหนดชำระเงิน ไม่ให้จ่ายล่าช้า


และหากนโยบายดังกล่าวซึ่งจะมีผลบังคับใช้ ส่วนตัวก็ต้องมาบริหารจัดการเงินในงวดที่หนึ่งและงวดที่สองให้พอดีกับรายจ่ายที่ตัวเองฟิกซ์เอาไว้ในแต่ละเดือน ว่าจะจ่ายในวันที่เท่าไหร่ เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เพราะแต่ละเดือน ทุกคนมีค่าใช้จ่าย ทั้งค่าบ้าน ค่ารถ และค่าใช้จ่ายอยู่กินในแต่ละเดือน


การแบ่งจ่ายในส่วนนี้ ส่วนตัวจึงมองว่าจะเกิดความวุ่นวายในช่วงระยะแรก หลังจากมีผลบังคับใช้ เนื่องจากทุกคนต้องปรับเปลี่ยนการจ่ายเงิน ให้เข้ากับการรับเงินเดือนที่ถูกแบ่งจ่าย


หากจะถามว่า กระทบไหมก็คงกระทบไม่มาก เพราะเงินก็ยังได้รับเท่าเดิม แม้จะแบ่งจ่ายมากกว่า 2 งวด แต่เงินก็ยังได้รับเท่าเดิมอยู่ จึงมองว่า ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคงเป็นในเรื่องของการบริหารจัดการเงินที่ได้รับมากกว่า


แต่ทั้งนี้ในฐานะข้าราชการ ก็ต้องน้อมรับปฏิบัติตามนโยบาย กฎระเบียบของทางรัฐบาล เมื่อมีคำสั่ง ก็ต้องบริหารจัดการให้ไม่เกิดผลกระทบ

-------------

นางสาว น้ำเงิน อายุ 34 ปี พนักงานราชการทั่วไป ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีดังกล่าว เช่นเดียวกันว่า


ตอนนี้ ในส่วนของพนักงานราชการจะถูกแบ่งจ่ายเป็นสองงวดด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง แต่หากถามในเรื่องของผลกระทบเกี่ยวกับเงินเดือน ที่จะแบ่งจ่ายเป็นสองงวดนั้น ส่วนตัวมองว่า จะเกิดผลกระทบอย่างแน่นอน โดยเฉพาะข้าราชการที่เป็นชั้นผู้น้อยที่มีรายได้ไม่มาก ซึ่งส่วนตัวก็ยังต้องเช่าห้องพักรายเดือนอยู่ ค่าอยู่ค่ากิน ต้องคิดแล้วคิดอีก เพื่อบริหารให้เพียงพอในแต่ละเดือน เพราะตอนนี้ ก็ใช้จ่ายแบบเดือนชนเดือน


หากมีการแบ่งจ่าย ก็จะเกิดผลกระทบในเรื่องของเงินที่ได้รับไม่เพียงพอต่อการจ่ายหนี้สิน โดยเฉพาะงวดรถและค่าเช่าห้อง ซึ่งมองว่า อาจทำให้บางคนต้องไปกู้หนี้ยืมสิน เพื่อมาโปะหนี้ให้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนไปก่อน แล้วรอเงินเดือนงวดที่สองออก เพื่อนำมาจ่ายเงินที่ไปกู้หนี้ยืมสินมาโปะในงวดแรก ก็จะทำให้ต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มเข้าไปอีก เพราะแต่ละเดือน ทุกคนมีค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินก้อนตายตัว ที่จะต้องจ่ายตามกำหนดเวลา จึงมองว่า การแบ่งจ่ายเป็นงวด ยังไม่ใช่การแก้ปัญหา เรื่องการหมุนเงินของข้าราชการกินเงินเดือน


อีกทั้ง บางรายที่มีการทำเรื่องกู้ จากแหล่งเงินกู้ต่าง ๆ หรือสหกรณ์ต่าง ๆ ซึ่งจะมีการหักจากเงินเดือน ก็จะทำให้ได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ด้วย เพราะบางรายหักไปแล้วเงินเดือนเหลืออยู่แค่หลักพันก็มี


อยากฝากถึงรัฐบาล ว่า รายได้เท่าเดิม แต่งานเยอะขึ้น อยากจะให้เพิ่มเบี้ยเลี้ยง หากจะมีการแบ่งเงินออกเป็นสองงวด ก็จะพอบรรเทาในเรื่องการหมุนเงินให้เข้ากับรายจ่ายได้ ไม่มากก็น้อย แต่ทั้งนี้ ส่วนตัวยังไม่แน่ชัดว่า ได้รับเงินเดือนก้อนเดียว หรือถูกแบ่งเป็นสองงวด ซึ่งก็ต้องรอติดตามความชัดเจนต่อไปอีก

-------------
ทีมข่าวสอบถามไปยัง ข้าราชการสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี บอกว่า


หลังจากมีข่าวเรื่องการจ่ายเงินเดือน 2 งวด ก็เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึง ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เพราะว่าเงินเม็ดเงินมันก็ได้เท่าเดิม เช่น ถ้ามันได้สิบบาท แต่เปลี่ยนไปให้ห้าบาท 2 ครั้ง ถ้าสมมุติ เราเป็นคนบริหารจัดการเงินดี เราก็จะรู้อยู่แล้วว่าในสิบบาท เนี้ย เราจ่าย ค่าหนี้ห้าบาท เหลือห้าบาทไว้กินทั้งเดือน เราก็ทําอย่างนี้มาตั้งนานแล้ว


ถ้าต่อจากนี้ มาจ่ายเป็น 2 ครั้ง ซึ่งก้อนแรกก็ต้องคิดแล้วว่าจะกิน หรือจะใช้ หรือจะเอาไปปลดหนี้


ขณะที่ ปัญหาที่จะตามมาคือ ปัญหาหนี้ต่าง ๆ ที่เราไปทำธุรกรรมให้หักบัญชีรายเดือนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบ้าน ค่ารถ แต่พอเงินเข้ามาไม่เต็ม มันก็หักไปไม่ได้ ก็คงต้องเป็นภาระอีก หรือที่ต้องไปแจ้งเปลี่ยนวันในการตัดเงินค่าภาระต่าง ๆ  มันวุ่นวาย


ขณะที่ ข้าราชการอีกส่วน ก็จะมีปัญหาเพิ่มอีก เพราะหน่วยงานราชการต่าง ๆ ก็จะมีการหักเงินของแต่ละงวด ที่ไม่เหมือนกัน เช่น หักเงินค่าสหกรณ์ // เงินกบข. // ค่าออมทรพย์ต่าง ๆ (โอ๊ะ! เยอะแยะ) เปลี่ยนเหมือนเดิม เพราะมันมีวันที่ชัดเจนอยู่แล้ว แบบใหม่ไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะมันวุ่นวาย


ข้าราชการสังกัดกระทรวงการคลัง บอกว่าไม่เห็นด้วยโดยว่า


แม้ว่าจะได้เงินเดือนก่อน ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน เพราะ หนี้บัตรเครดิตที่ต้องจ่ายเป็นก้อน ของแต่ละคนวงรอบไม่เท่ากัน แม้จะได้เงินมาก่อน แต่ก็อาจใช้เงินไปจนไม่มีเงิน ที่จะเก็บไปจ่ายหนี้ อีกอย่าง เงินที่ได้มาไว ก็ไปไว ไม่สะดวกในการเก็บออม และบริหารการเงินได้


ขณะที่มุม คุณครู ไม่เห็นด้วย เพราะว่า


ในข้าราชการบางราย มีภาระในเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่มีกำหนดจ่ายทุกสิ้นเดือน เช่น ค่ารถ ค่าบ้าน บัตรเครดิต หรืออื่นๆ หากปรับเป็นการให้เงินเป็นเดือนละ 2 ครั้ง แล้วสิ้นเดือน เขาจะทำยังไง หากจะปรับเป็น 2 ครั้ง ต่อเดือน ก็ควรที่จะให้บริษัทเอกชน และ สถานการเงินต่าง ๆ ปรับในเรื่องของการชำระหนี้ด้วย


ข้าราชการสังกัด กทม. ฝ่ายการเงินและบัญชี บอกว่า


ไม่เห็นด้วยมากๆ กำลังคุยกันวุ่นเลยที่ทำงาน เพราะต้องทำเอกสารเดือนละ 2 รอบ ความจริง ถ้ารัฐบาลจะช่วยข้าราชการชั้นผู้น้อย ควรเพิ่มเงินเดือนให้ ไม่ใช่มาแบ่งจ่ายแบบนี้ ค่า บ้าน ค่ารถ ค่าสาธารณูปโภค ที่หักจ่ายกับหน่วยงานจะหักอย่างไร หัก 2 รอบ หรือไม่ การแก้ปัญหาคือการปรับฐานเงินเดือน


ข้าราชการระดับสูงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ไม่เห็นด้วย


มองว่า ระบบมันออกแบบไว้ 1ครั้ง สำหรับชำระหนี้เงินกู้ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าน้ำค่าไฟ จ่ายเงินเดือนออก ถ้าเงินเดือนออก 2 ครั้ง แล้วใช้เงินหมดไปแล้ว ตามความจำเป็น จะมีเงินส่งใช้หนี้ทุกสิ้นเดือนไหม ถ้าแก้ต้องแก้ทั้งระบบ ไม่ดีกว่าหรือ ส่วนใหญ่หนี้ในระบบของข้าราชการ มีการชำระทุกสิ้นเดือน หากนำเงินเดือนมาใช้จ่ายก่อน จะทำให้หนี้ไม่ลด แถมพอกหางหมู


พยาบาลวิชาชีพ ระบุว่าไม่เห็นด้วย


จ่ายไว จำนวนเงินครึ่งหนึ่ง ก็หมดไว หากจ่ายทีเดียวก้อนใหญ่ มองว่าจัดการได้ง่ายกว่า อันไหนต้องจ่าย อันไหนต้องเก็บ มา 2 รอบ มันต้องจัดการใหม่ แล้วบางที เงินเดือนรอบแรก มันไม่พอสำหรับรายจ่าย ทำให้บางคนอาจใช้หมดก่อน เช่น ผ่อนรถทุกวันที่ 1 เงินเดือนที่จ่ายแค่ครึ่ง ก็ไม่พอ

-------------
วานนี้ 13 ก.ย. 66 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีการเสนอปรับการจ่ายเงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบ โดยจะเริ่มเดือนมกราคม 2567 ว่า


คณะกรรมการที่พิจารณา และเสนอเรื่องนี้ ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานราชการว่า ข้าราชการประสบปัญหาด้านสภาพคล่อง จึงอยากให้รัฐบาลแบ่งจ่ายเป็น 2 รอบ แต่เมื่อมีความเห็นต่าง จึงจะมอบหมายให้กรมบัญชีกลาง ไปดูรายละเอียดอีกครั้ง
-------------

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนี้ ว่า


คิดใหม่ ทำเร็ว สร้างสรรค์ หรือ สร้างปัญหา


มติแรกของ ครม.เศรษฐา คือ เปลี่ยนระบบการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ เป็นทุกครึ่งเดือน โดยมีเหตุผลว่า เพื่อให้ข้าราชการมีเงินเดือนใช้เพียงพอกระจายทั้งเดือน ลดการกู้ ไม่ต้องเป็นหนี้


1. เป็นการคิดแบบเร็ว ๆ หรือมีการศึกษาวิจัยอยู่เบื้องหลัง และสอบถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง หรือยัง


2. ระบบการเบิกจ่ายเงินเดือนของกรมบัญชีกลาง ต้องมีการปรับใหม่ และทำเพิ่มเป็นสองรอบต่อเดือน เป็นภาระทางธุรการแก่ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น คลังจังหวัด กองคลังของทุกหน่วยงาน หรือไม่


3. ระบบเงินเดือนข้าราชการ ยังผูกกับเงินหักหนี้สินต่าง ๆ เช่น เงินกู้สหกรณ์ เงินหักส่งสวัสดิการต่าง ๆ ซึ่งหักเป็นรายเดือน ระบบดังกล่าว ต้องแบ่งเป็นสองงวดตามด้วย หากแบ่งไม่ได้ จะเป็นการสร้างภาระแก่ข้าราชการ ในครึ่งเดือนแรก


4. ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ เงินกู้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิต ทั้งหมดชำระเป็นรายเดือน และเป็นของเอกชน ที่อาจไม่สามารถขอผ่อนผันจ่ายเป็น 2 งวดต่อเดือน ได้


5. คิดใหม่ ทำเร็ว ควรมีการศึกษาวิจัย และถามความเห็นจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องก่อน เพราะที่นี่ ไม่ใช่แสนสิริ และใครผ่อนคอนโดแสนสิริ อย่าลืมขอใช้สิทธิผ่อนเป็น 2 งวดต่อเดือน ด้วย

-------------
นอกจากข้างต้นแล้ว นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ยังโพสต์อีกว่า


ถ้าข้าราชการเรียกร้อง ขอให้เปิดเผยว่า เป็นหน่วยราชการใด  เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี  สำนักงานเลขาธิการ ครม.  ฯลฯ  


และ ให้จัดระบบจ่ายเงินเดือน เป็นเดือนละ 2 ครั้ง ตามที่หน่วยงานดังกล่าวขอมา เฉพาะหน่วยงานนั้น


หากหน่วยงานใดไม่ได้ขอ ก็ใช้ระบบเดิมดีไหม ดีกว่าต้องมาออกแบบสำรวจว่า  ใครจะรับแบบไหน และต้องมีสองระบบในทุกหน่วยงาน

-------------
ด้าน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง  เปิดเผยกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็น 2 รอบ มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 67 เป็นต้นไป ว่า


กรมบัญชีกลางพร้อมรับนโยบายจากรัฐบาล กรณีมีแนวคิดแบ่งการจ่ายเงินเดือนข้าราชการออกเป็น  2 ครั้งต่อเดือน โดยกรมฯจะต้องไปปรับระบบรองรับ พร้อมกับ หารือร่วมกับสถาบันการเงินต่าง ๆ ที่เป็นเจ้าหนี้เงินกู้ของข้าราชการ  เพื่อหาแนวทางการการแบ่งจ่ายหนี้ ให้สอดคล้องกับการจ่ายเงินเดือน ดังกล่าว


เราพร้อมรับนโยบาย และเห็นด้วยว่า แนวทางดังกล่าวจะช่วยให้ข้าราชการมีแคชโฟลว์ที่ดีมากขึ้น


ซึ่งหลังจากนี้ เราต้องไปดูแนวทางการปรับระบบการจ่ายเงินเดือน และหารือกับสถาบันการเงินเจ้าหนี้ต่าง ๆ เพื่อให้การจ่ายเงินเดือน และการจ่ายหนี้ของข้าราชการสอดคล้องกับการจ่ายเงินเดือน โดยปัจจุบัน ข้าราชการในระบบมีอยู่ราว 2 ล้านคน (ประมาณ 1,770,000 คน)

-------------
ด้าน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ว่า


ตนเข้าใจว่า ก็อาจจะเป็นความหวังดี ที่อยากจะสร้างสภาพคล่องให้กับข้าราชการ ได้มีเงินเดือนออก 2 ครั้งต่อเดือน เหมือนในรูปแบบที่ตามโรงงานมักจะทำกัน คือออกเป็นรายสัปดาห์


แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่รีบออก และไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า ทำให้ ข้าราชการส่วนใหญ่ ที่ไม่มีเวลาเตรียมการ อาจจะประสบปัญหาได้ เพราะต้องแลกระหว่างได้เงินก้อนกับสภาพคล่อง หลายคนอาจมีหนี้สินที่ต้องจ่ายเงินเป็นก้อนใหญ่ในช่วงต้นเดือนอยู่แล้ว ต้องไปปรับตัว ซึ่งก่อให้เกิดความยุ่งยากกับข้าราชการค่อนข้างมาก


ขณะเดียวกัน ตนก็คิดว่า ถ้าอยากจะช่วยข้าราชการจริง ๆ สิ่งที่สามารถช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้ข้าราชการได้เลยคือ เรื่องตัดหน้าซองหนี้ จะดีกว่า


 “ข้าราชการทุกคนรู้ดีว่า มีปัญหาการตัดหนี้ ที่ทำให้หน้าซองเงินเดือน เหลือไม่ถึง 10% ของเงินเดือนที่ได้รับ บางคนเงินเดือน 6-7 หมื่นบาท โดนตัดหน้าซองเหลือไม่ถึง 1,000 บาท ก็มี


เรื่องนี้ มีการรณรงค์พูดถึงกันมาหลายปีแล้วว่า อยากให้ตัดหน้าซองให้เหลือไม่ต่ำกว่า 30% แต่จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่า เรื่องหนี้ข้าราชการถูกตั้งเป็นวาระแห่งชาติมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จ


อยากแจ้งไปทางรัฐบาลฝ่ายบริหาร ว่า หากอยากเพิ่มสภาพคล่องให้ข้าราชการ ตัด 2 รอบ แบบนี้ ถ้าไม่เวิร์ค หันมาแก้หนี้ให้กับข้าราชการด้วยการตัดหน้าซองให้เหลือเกิน 30% น่าจะช่วยสภาพคล่องข้าราชการมากกว่า” 


เมื่อถามว่าเสียงสะท้อนข้าราชการก็หมุนไม่ทัน


นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า แต่ละคนมีหนี้สินไม่เหมือนกัน บางคนมีสหกรณ์ออมทรัพย์ เขาก็ยังให้สหกรณ์ตัดเขาทีละครึ่งได้ แต่หากเป็นหนี้สถาบันการเงิน เช่น การเช่าซื้อรถยนต์ ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจ


ดังนั้น หลายคนมีปัญหาแน่นอนว่า เงินจะช็อตกะทันหัน ถ้าเงินออกทีละครึ่งเดือน  น่าจะทำให้เหลือเงินไม่พอที่จะใช้ มากกว่าที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่อง ตนขอให้ลองคิดทบทวน ซาวนด์เสียงดูว่า ข้าราชการตัวจริง คิดเห็นอย่างไร

-------------

จากการจะเปลี่ยนการจ่ายเงินข้าราชการจากเดือนละ 1 รอบ เป็น 2 รอบ เพื่อบรรเทาทุกข์ข้าราชการชั้นผู้น้อย และการจ่าย 2 รอบ จะได้ไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสินคาดว่าเริ่มได้วันที่ 1 มกราคม 2567 นั้น ได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์อย่างมาก ส่งผลให้ #เงินเดือนราชการ พุ่งติดเทรนด์ฮิตประเทศไทย เป็นอันดับ 1 ในไม่กี่ชั่วโมง


ซึ่งส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยที่จะแบ่งจ่ายเงินเดือนลักษณะนี้ เพราะกระทบกับการวางแผนจ่ายหนี้สินของตน ทำให้หลายคนอาจจะต้องปรับแผนการใช้จ่ายใหม่


นอกจากนี้ ยังมีบางส่วนมองว่า แทนที่จะจ่ายเงินเดือน 2 รอบ ควรจะผลักดันให้ปริญญาตรี ได้เงินเดือน 25,000 บาท ตามที่หาเสียงไว้ดีกว่า


แต่มี บางส่วนที่เห็นด้วย เพราะอาจจะเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน  เหมือนช่วงต้นเดือนที่เงินเดือนออก จะมีประชาชนเข้ามาใช้จ่ายซื้อของเป็นจำนวนมาก หากแบ่งการจ่ายเงินเดือนเป็น 2 รอบ อาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจ


นอกจากนี้ ในต่างประเทศ อย่างออสเตรเลีย จ่ายเงินทุกวันพฤหัสบดี ทำให้ทุกวันพฤหัสบดีร้านอาหารไทยในออสเตรเลีย จะขายดีอย่างมาก ดังนั้น การเพิ่มความกี่ในการให้เงินเดือน อาจจะกระตุ้นเศรษฐในประเทศ ได้มากกว่าเดิม


 ส่วนความคิดเห็นในโลกทวิตเตอร์ที่น่าสนใจ มีดังนี้


@miewpanidaบอกว่า ต้องการเงินเดือน 25,000 ค่ะ ไม่ได้ต้องการจ่าย 2 รอบ ก่อนจะพูดออกมานี่ปรึกษาสหกรณ์, ไฟแนนซ์, กยศ. รึยังเอ่ย เขายอมให้หัก 2 รอบ รึเปล่า


@just happy_na เพราะคนคิดไม่เคยจน มีเงินเหลือเฟือที่จะทำอะไร ก็ได้ ถึงได้คิดมาตรการที่ตื้นเขินเช่นนี้ สมมุติ เงินเดือน 26,000 บาท จ่ายต้นเดือน 13,000 บาท แต่หนี้ก้อนโตทั้งบ้านและรถรวม 14,500 บาท แล้วจะเอาเงินอีก 1,500 มาจากไหน แล้วอีก 15 วันที่เหลือ ใช้เงินไหนกินข้าว


@AoraeeS บอกว่าสิ่งที่ท่านควรทำคือ ปรับฐานเงินเดือนป.ตรีเป็น 25,000 บาท ตามที่หาเสียงไว้ค่ะไม่ใช่มาแบ่งจ่าย เงินเดือนข้าราชการเป็น 2 รอบ ค่ารถ/ ค่าบ้าน/ค่า โทรศัพท์/บัตรเครดิตต่างๆ ธนาคารจะมาเข้าใจให้ จ่าย 2 รอบด้วยมั้ยล่ะคะ...คิดมาได้แต่ละอย่าง ตรูละ เบื่อ


@TifFaNy_9member บอกว่าเป็นไง ให้ CEO ที่ไม่เข้าใจระบบราชการ มาทำงานระดับประเทศ #เงินเดือนข้าราชการ โดนแบ่งจ่ายเดือนละ 2 ครั้ง คลังมีเงินหมุน อีก 15 วัน แต่ ประชาชนข้าราชการ เปลี่ยนจากเดือนชนเดือน มาเป็นวีคชนวีคแทน


@Mingcheng Zhang บอกว่า จากใจ ขรก. หากจ่ายเป็น 2 รอบ แต่ภาระที่ต้องจ่าย มันมาต้นเดือนนะครับ ขืนแบ่งจ่าย ต้องติดแบล็คลิสต์ค่างวดแน่นอน แล้วค่าใช้จ่ายก็จะโหดตั้งแต่ต้นเดือนแน่นอนครับ เขาน่าจะมีการสำรวจก่อนลงมตินะครับ ช่วยไปถามไฟแนนซ์เราให้ด้วยนะ ว่ายอมรับการแบ่งจ่ายได้ไหม อยากเสนอพักชำระหนี้ หรือดอกเบี้ยต่ำ อะไรแบบนี้ คนน่าจะแฮปปี้มากกว่าครับ

-------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/0fvBkxpBtrs




















คุณอาจสนใจ

Related News