ชาวสวนยางโอด ราคายางตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังถูกกดราคาจากมาตรการ FSC

นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคายางตกต่ำ มาอยู่ที่กิโลกรัมละ 36-37 บาท จากเดิมเดือนที่แล้วอยู่ที่ 40-50 บาท โดยถือว่าเป็นราคายางที่ตกต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินเฟ้อ สาเหตุสำคัญมาจากการที่ยางไทยถูกกดราคา หลังสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา บังคับใช้มาตรฐานจัดการป่าไม้ยั่งยืน (FSC) , กฎหมายสินค้าปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า (Deforestation-free Product) และมีการขอตรวจสอบย้อนกลับสินค้ายางและผลิตภัณฑ์จะต้องไม่มีที่มาจากสวนยางที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนฯ ซึ่งยางพาราของไทยยังไม่สามารถจำแนกที่มาได้ว่าเป็นยางพาราที่ผลิตจากสวนยางพาราที่บุกรุกทำลายป่าหรือไม่ ทำให้ยางไทยไม่ได้รับการยอมรับ ประกอบกับ กระแสข่าวกรณีที่รัฐอิลินอยด์ มีการนำยางพาราไทยผลิตถุงมือยางแล้วเกิดมีผู้เสียชีวิต ทำให้เกิดความเสียหาย ทั้งที่ยังไม่มีข้อสรุปว่าเสียชีวิตจากการใช้ถุงมือยางจริงหรือไม่ แต่ข่าวที่ออกมาก็ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นในยางพาราของไทยอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น เรื่องการเมืองที่ยังไม่ชัดเจน ทำให้ไม่มีรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาราคายางที่ตกต่ำ รวมถึงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว


นายอุทัย เปิดเผยอีกว่า จากราคายางที่ตกต่ำต่อเนื่อง ทำให้ชาวสวนยางหลายแห่งทั่วประเทศ ทยอยโค่นต้นยาง เพื่อขายไม้ ทั้งที่ยังไม่ได้ขนาด เพื่อนำเงินมาใช้จ่าย หลังจากราคายางต่ำลง แต่ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น โดยพบว่าเกษตรกร ต้องยอมโค่นยางอายุเพียง 15 ปี เพื่อขายไม้ในราคา 1,500 บาทต่อตัน ทั้งที่ราคาปกติจะอยู่ที่ตันละ 3,500 บาท


พร้อมกันนี้ได้เสนอให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องการเปลี่ยนพันธุุ์ต้นยาง การวิจัยเพิ่มนวัตกรรมใหม่ การประชาสัมพันธ์เรื่องผลิตภัณฑ์ยาง พร้อมเสนอทางออกจากปัญหาการถูกกีดกันทางการค้าด้วยมาตรการ FSC ด้วยการให้สวนยางพาราที่อยู่ในป่าสงวน ป่าวนอุทยาน และป่าชุมชน ทำเป็น “สัญญาเช่า” จากหน่วยงานของรัฐ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2562 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.ป่าชุมชน พศ. 2562 ซึ่งสามารถให้เช่าเป็นที่ทำกินได้ หรือหมายถึงจะให้ชุมชนอยู่ร่วมกับป่า รักษาดูแลป่า โดยไม่สามารถทำลายป่าได้ แต่จะปลูกไม้เพิ่มเติมให้ ดังนั้นเมื่อยางพารามีที่มาที่ไป ซึ่งผู้รับซื้อยางพารา ผู้ผลิตแปรรูปยางพาราและไม้ยางพารา จะสามารถตรวจสอบย้อนกลับดูหลักฐานได้ รู้ถึงต้นยาง ที่ตั้งสวนยางพาราได้ทันที โดยการปลูกยางพาราทั้งหมดนั้นได้ขึ้นทะเบียนกับ การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อยู่แล้ว