เศรษฐกิจ

ครม.เคาะเก็บภาษีขายหุ้น ปีแรกเริ่ม 0.05% คาดรัฐมีรายได้เพิ่มหลักหมื่นล้าน หลังยกเว้นมา 30 ปี

โดย nattachat_c

30 พ.ย. 2565

42 views

วานนี้ (29 พ.ย. 65) คณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง เสนอให้ดำเนินการจัดเก็บภาษีขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เรียบร้อยแล้ว โดยการจัดเก็บภาษีจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือนที่ 4 นับจากกฎหมายเรื่องนี้มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมีระยะเวลาให้ปรับตัว 90 วัน


ภาษีนี้ ต้องเก็บอัตรา 0.1% เพราะเป็นภาษีธุรกิจเฉพาะ โดยให้โบรกเกอร์เป็นผู้จัดเก็บให้ เพราะต้องเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว ซึ่งการจัดเก็บจะมีทุกเดือนเช่นเดียวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อย่างไรก็ดี ในปีแรกหลังกฎหมายบังคับใช้ จะให้เก็บในอัตราเพียง 0.055% ก่อน จนถึงสิ้นปี 2566 อย่างไรก็ตาม หากคิดรวมกับภาษีท้องถิ่น เพดานสูงสุดจะอยู่ที่อัตรา 0.11% ซึ่งทำให้ในปีแรก จัดเก็บอัตรา 0.055%


ทั้งนี้ ภาษีการขายหุ้น หรือ Financial Transaction Tax เป็นการเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยกฎหมายได้กำหนดไว้ว่า จะต้องเก็บภาษีในอัตรา 0.1% ของมูลค่าหุ้นที่ขาย อย่างไรก็ตาม ภาษีดังกล่าวได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 หรือยกเว้นมานานกว่า 30 ปี เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากกลับมาจัดเก็บ กระทรวงการคลังคาดว่าจะทำให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นล้านบาท


การที่ต้องกลับมาเก็บภาษีนี้ หลังจากเว้นมานาน ก็เพราะว่า ต้องสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้เสียภาษีอื่นๆ ที่ถูกจัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน และลดความเหลื่อมล้ำในระบบภาษี สำหรับคนที่ซื้อขายหุ้นกับคนที่ไม่ได้ซื้อ โดยคาดว่าการจัดเก็บภาษีขายหุ้นนี้ หากเก็บเต็มปีจะสร้างรายได้ให้รัฐบาล 1.5-1.6 หมื่นล้านบาทต่อปี ในฐานอัตราเรียกเก็บที่ 0.10%


ในส่วนที่กังวลว่าผู้ขายหุ้น จะขายขาดทุนต้องมาถูกเก็บภาษีขายหุ้นอีกนั้น ผู้ขายไม่ต้องนำมาคิดรวมเพราะเป็นส่วนของหลักเกณฑ์ในการซื้อขายหุ้น โดยหลักการของธุรกิจเฉพาะจะเสียภาษีเพียงครั้งเดียว และไม่ต้องกลับมารายงานให้สรรพากรแต่อย่างใด


อย่างไรก็ตาม ได้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีดังกล่าวกับ

  • กองทุนบำนาญข้าราชการ
  • กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
  • กองทุนประกันสังคม
  • นักลงทุนรายใหญ่ (มาร์เก็ต เมคเกอร์) ซึ่งกลุ่มพวกนี้เป็นกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่

-------------

นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้กล่าวว่า 

อยากให้มีการพิจารณาให้รอบครอบเพราะว่าแม้ว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้จะไม่มากนักแต่นักลงทุนเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อมาก มีเงินมากการออกมาเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้จะมีพลังมากไปด้วย


ส่วน นายอาคม กล่าวชี้แจงว่า

กระทรวงการคลังได้มีการศึกษาแล้วในเรื่องนี้โดยได้เปรียบกับประเทศฝรั่งเศส และประเทศอิตาลี ซึ่งในเรื่องนี้กรณีของประเทศฝรั่งเศสกระทบแค่ระยะสั้นๆ ส่วนประเทศอิตาลีไม่มีผลกระทบกับการซื้อขายหุ้นเลย


ด้าน นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด และอดีตประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า 

จะทำให้สภาพคล่องในตลาดหลักทรัพย์ฯ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยรวมต่อนักลงทุนทั่วไป ทำให้การซื้อขายหลักทรัพย์มีความคล่องตัวน้อยลง และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคธุรกิจ ทำให้การระดมทุนในตลาดหุ้นทำได้ยากขึ้น และทำให้ต้นทุนทางการเงินของการระดมทุนสูงขึ้น


จากที่สภาธุรกิจตลาดทุนไทยได้เคยประเมินไว้เมื่อตอนต้นปี มูลค่าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีโอกาสลดลงถึง 40% ถ้ามีการเก็บภาษี FTT และถ้าดูจากภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน

-----------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/UboeSCN_4ZI


คุณอาจสนใจ

Related News