เศรษฐกิจ

IMF คาดการณ์เศรษฐกิจไทยโต 3.3% รั้งท้ายกลุ่ม ASEAN 5

โดย thichaphat_d

20 เม.ย. 2565

64 views

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศปรับลดการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้และปีหน้าลง โดยระบุว่าการทำสงครามของรัสเซียในยูเครนได้ส่งผลกระทบและขัดขวางการค้าโลก ทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น คุกคามอุปทานด้านอาหาร ทั้งยังเพิ่มความไม่แน่นอนที่มีสูงอยู่แล้วเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และตัวกลายพันธุ์ต่างๆ


ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดการคาดการณ์การเติบโตทั่วโลกในปีนี้ลงเหลือเพียง 3.6% ซึ่งลดลงอย่างมากจากปีที่แล้วที่มีการเติบโต 6 .1% และลดลงจากการคาดการณ์ในปีนี้ที่ประกาศไว้ในเดือนมกราคมที่ 4. 4% ทั้งยังระบุด้วยว่าเศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะเติบโต 3.6% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.8% ในเดือนมกราคมเล็กน้อย


ไอเอ็มเอฟคาดว่าเศรษฐกิจของรัสเซียซึ่งถูกคว่ำบาตรจะหดตัว 8.5% ในปีนี้ขณะที่เศรษฐกิจของยูเครนจะหดตัวลง 35%


สหรัฐ : ลดลงเหลือ 3.7% ในปีนี้ โดยปรับลดลงจากตัวเลขเมื่อต้นปีที่ 4% ท่ามกลางการประกาศของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ ทั้งยังต้องเผชิญกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในคู่ค้าหลักของสหรัฐ


ยุโรป : ซึ่งพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียอย่างมากจะต้องแบกรับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามอย่างหนัก โดยใน 19 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร จะมีการเติบโตที่ 2.8% ในปีนี้ ลดลงอย่างมากจาก 3.9% ที่ประกาศไว้ในเดือนมกราคม


จีน : ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก การเติบโตทางเศรษฐกิจก็จะชะลอตัวลงเหลือ 4.4% ในปีนี้ โดยเป็นผลกระทบจากยุทธศาสตร์โควิดเป็นศูนย์ของจีน ที่ทำให้มีการล็อกดาวน์ศูนย์กลางเศรษฐกิจการเงินและการค้า อาทิ เซี่ยงไฮ้ เซินเจิ้น อย่างเข้มงวด


ส่วนไทย คาดการณ์ว่าจะเติบโต 3.3% ต่ำสุดใน ASEAN 5 โดยมีลำดับดังนี้

1. ฟิลิปปินส์ 6.5%

2. เวียดนาม 6.0%

3. อินโดนีเซีย 5.6%

4. มาเลเซีย 5.4%

5. ไทย 3.3%


คริสตาลินา จอร์จีวา กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า สงครามในยูเครน ทำให้เกิดวิกฤติในวิกฤติ นอกจาก ผู้คนจะล้มตายแล้ว ยังทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอยครั้งใหญ่ด้วย ผลจากการคว่ำบาตร ทำให้ผลผลิตของโลกลดลงอย่างรุนแรง และเกิดปัญหาเงินเฟ้อขั้นรุนแรง



คุณอาจสนใจ

Related News