'คลัง' หั่นจีดีพีปี 65 เหลือ 3-4% - 'สภาพัฒน์' หวั่นคว่ำบาตรรัสเซีย กระทบไทยครึ่งปีหลัง

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยว่า ยังต้องจับตาผลกระทบจากการคว่ำบาตรรัสเซีย ลากยาว กระทบเศรษฐกิจไทย ทั้งส่งออกและท่องเที่ยว ในครึ่งปีหลัง เงินเฟ้อกระทบเศรษฐกิจ ดันราคาน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ ปุ๋ย อาหารสัตว์ ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ถึงผู้บริโภคช้าที่สุด


นายดนุชา บอกอีกว่า มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกมีต่อรัสเซีย คาดว่าจะมีระยะเวลาที่ยาวนาน และมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ บรรยากาศแบบนี้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว ที่เดิมคาดกว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ แต่เมื่อเจอกับปัจจัยลบก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน


ขณะที่เรื่องเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น จากราคาน้ำมัน สินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งราคาปุ๋ย และอาหารสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้น ต้องดูว่าในช่วงครึ่งหลังของปี ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจะถูกส่งผ่านมาให้ผู้บริโภคมากแค่ไหน


หากส่งผ่านมาทางตรงอย่างรวดเร็ว ก็จะกระทบประชาชนมาก แต่หากส่งผลมาแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีกลไกของภาครัฐเข้าไปชะลอบางส่วน เช่น การที่กระทรวงพาณิชย์ใช้กฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ควบคุมจำนวน 18 รายการ หากสามารถชะลอการขึ้นราคาไว้ได้แล้ว ราคาน้ำมันในตลาดโลกทยอยลดลง ก็จะลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้


ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้ปรับลดกรอบการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปี 65 เหลือ 3-4% จากเดิม 3.5-4.5% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 4%


เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ ทั้งการแพร่ระบาดไวรัสโควิด ราคาน้ำมันตลาดโลกขึ้นราคา การสู้รบระหว่างยูเครนกับรัสเซีย แต่ถือว่าจีดีพีปีนี้ยังคงมีอัตราการเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เมื่อรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด จะทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่คนไทยก็เดินทางท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นด้วย ก่อให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/sRqaIVN0jUY