อาชญากรรม
ล้างบาง ‘นอมินีรัสเซีย’ จ้างคนไทยถือครองที่ดินภูเก็ต พบต่างชาติกว้านซื้อกว่า 9 หมื่นคน มูลค่านับพันล้านบาท
โดย nicharee_m
1 มิ.ย. 2567
318 views
ปอศ. ล้างบาง ‘นอมินีรัสเซีย’ จ้างคนไทยถือครองที่ดินพันล้านภูเก็ต
วานนี้ (31 พ.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วย พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. แถลงข่าวผล Operation Nominee Sweep หรือปฏิบัติการล้างบางเครือข่ายนอมินีต่างชาติในภูเก็ต สามารถอายัดอสังหาฯ มูลค่ากว่า 1,000 ล้าน โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ.
โดยปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถดำเนินคดีผู้ต้องหา จำนวน 231 ราย 1. ในฐานะนิติบุคคล จำนวน 96 ราย 2. ในฐานะบุคคล จำนวน 135 ราย จำแนกเป็น ผู้ต้องหาชาวต่างชาติ จำนวน 98 ราย ประกอบด้วย ชาวรัสเซีย 67 ราย ชาวจีน 4 ราย ชาวยูเครน 3 ราย ชาวอินเดีย 3 ราย และสัญชาติอื่น ๆ อีก 21 ราย และผู้ต้องหาชาวไทย จำนวน 37 ราย
ในฐานความผิดเป็นคนต่างด้าวประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงหรือฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย โดยคนต่างด้าวนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจดังกล่าว และฐานความผิดผู้มีสัญชาติไทยหรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่คนต่างด้าว ร่วมกันให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนหรือร่วมประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอันเป็นธุรกิจต้องห้ามมิให้ชาวต่างด้าวประกอบธุรกิจ ที่กำหนดไว้ในบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้ ตามมาตรา 36 และ 37 แห่งระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542
สำหรับพฤติการณ์เบื้องต้นในคดีนี้ มีที่มาจากการที่ประชาชน จ.ภูเก็ต ได้ร้องเรียนว่า มีชาวต่างชาติมาประกอบธุรกิจและกว้านซื้อที่อยู่อาศัย จนทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับความเดือนร้อน นายกรัฐมนตรีจึงมีนโยบายให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบตามเรื่องที่ประชาชนได้ร้องเรียนและให้บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะเนื่องจากจะสร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศในวงกว้าง
โดยจากตรวจสอบ พบว่า ตั้งแต่ห้วงปี 2562 จนถึงเดือนมีนาคม 2567 มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาใน จ.ภูเก็ต สูงถึง 92,764 ราย คิดเป็น 81% เมื่อเทียบกับชาวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาในจังหวัดอื่นๆ โดยเฉพาะตั้งแต่เดือนมกราคม – มีนาคม 2567 มีชาวรัสเซียเดินทางเข้ามาในภูเก็ตจำนวนถึง 59,717 ราย
อีกทั้งพบว่า มีชาวรัสเซียจดทะเบียนบริษัทในห้วงปี 2566 จนถึงปัจจุบันเพิ่มสูงจำนวนถึง 1,603 บริษัท ซึ่งถือว่าสูงขึ้นกว่าในห้วงปี 2559-2565 ถึง 50 เท่าตัว โดยในช่วงนั้นมีชาวรัสเซียยื่นจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทในพื้นที่ภูเก็ต เฉลี่ยไม่เกิน 30 บริษัทต่อปีเท่านั้น
จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบชาวต่างชาติสัญชาติรัสเซีย ชื่อ นางยาน่า (Mrs. IANA) อายุ 45 ปี เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับครอบครัวด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 โดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นร่วมกับคนไทยในสัดส่วนที่น่าสงสัยจำนวนถึง 9 บริษัท ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนสูงสุดลำดับที่ 1 ของชาวต่างชาติเข้ามาร่วมถือหุ้นกับคนไทยในพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยแยกเป็นบริษัทประเภทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 7 บริษัท ประเภทบริการ 1 บริษัท และประเภทนำเที่ยว 1 บริษัท รวมทุนจดทะเบียน 38 ล้านบาท ตรวจสอบพบการถือครองอสังหาริมทรัพย์เป็นโครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเม้นหรูใน จ.ภูเก็ต ถึง 3 โครงการ จำนวน 176 ห้อง พื้นที่รวม 8,480.14 ตร.ม. รวมมูลค่าราคาประเมินกว่า 900 ล้านบาท
และจากการตรวจสอบคนไทยรายหนึ่ง ซึ่งน่าเชื่อว่าให้การช่วยเหลือและสนับสนุน คือ น.ส.ตรีทิพ เข้ามาถือหุ้นร่วมกับนางยาน่า และพบอีกว่า น.ส.ตรีทิพ มีรายชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นถึง 272 บริษัท แยกเป็นบริษัทที่คนไทยถือหุ้นล้วน 142 บริษัท และบริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นร่วมอยู่ด้วยจำนวน 130 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ น.ส.ตรีทิพ ถืออยู่มีมูลค่าสูงถึง 268,300,863 บาท
จากพฤติการณ์ต้องสงสัยดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (กก.4 บก.ปอศ.) จึงได้ลงพื้นที่เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ทราบการประกอบธุรกิจของกลุ่มบุคคลดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจค้นสำนักงานบัญชีของนางสาวตรีทิพจำนวน 4 จุดใน จ.ภูเก็ต พบพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องในการจดทะเบียนบริษัทของบุคคลต่างชาติเป็นจำนวนหลายรายการ โดยพบของกลางที่น่าสนใจคือ สมุดบัญชีที่เปิดในนามนิติบุคคล 225 เล่ม มียอดเงินหมุนเวียนสำหรับจัดตั้งบริษัท 318,967,824.43 บาท ตราประทับบริษัทต่างๆ และเอกสารการถือครองอสังหาริมทรัพย์จำนวนหลายรายการ
โดยบริษัทของ น.ส.ตรีทิพ ก่อตั้งเมื่อ 13 มิถุนายน 2559 ประกอบธุรกิจรับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติ มีพนักงานจำนวน 22 คน โดย น.ส.ตรีทิพ ใช้ชื่อของตนเองและกลุ่มเครือญาติของตนกับลูกจ้างของบริษัท เข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย
เบื้องต้น ตรวจพบความเชื่อมโยงถึง 272 บริษัท โดยมีบริษัทจำนวน 130 บริษัท มีลักษณะเป็นบริษัทนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน ท่องเที่ยว ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่น ๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 679,000,000 บาท
นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า น.ส.ตรีทิพ ได้จดทะเบียนบริษัทที่มีเฉพาะคนไทยถือหุ้นอีกจำนวน 141 บริษัท โดยไม่มีการประกอบธุรกิจแต่อย่างใด แต่เปิดไว้เพื่อใช้ในการขอวีซ่าธุรกิจ (Non B Visa) ใบอนุญาตทำงาน (work permit) และใช้ในการยื่นขอเปิดบัญชีธนาคาร โดยพบว่า มีการยื่นขอใบอนุญาตทำงานให้กับชาวต่างชาติและตรวจสอบพบชาวต่างชาติ 5 ราย เปิดบัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการหลอกลวงคนไทยให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งได้มีการแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) ไว้แล้วก่อนหน้านี้
สำหรับรายละเอียดของกลางจากการตรวจค้นบริษัทรับทำบัญชีและบริษัทซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ภูเก็ต รวม 4 จุด มีดังต่อไปนี้
- สมุดบัญชีธนาคาร 225 เล่ม มียอดเงินหมุนเวียนสำหรับจัดตั้งบริษัท 318,967,824.43 บาท
- เอกสารถือครองที่ดิน 245 รายการ แบ่งเป็นห้องชุด 196 ห้อง มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และโฉนดที่ดิน 43 แปลง เนื้อที่ 24 ไร่ มูลค่าไม่รวมสิ่งปลูกสร้างกว่า 200 ล้านบาท
- เอกสารและข้อมูลการจัดตั้งบริษัท 800 บริษัท
- ตราประทับบริษัทต่าง ๆ 1,601 บริษัท
- เอกสารใบอนุญาตทำงานหรือ Work permit 108 เล่ม
- หนังสือเดินทาง 196 เล่ม
- ป้ายบริษัท 13 ป้าย
- อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 4 เครื่อง
- รวมมูลค่าของกลางที่ยึดได้กว่า 1,500 ล้านบาท
แท็กที่เกี่ยวข้อง นอมินี ,ที่ดินภูเก็ต