เร่งล่าจ่าพญาไท แก๊งตำรวจอุ้มชาวจีนรีดเงิน 2.5 ล้าน รวบ ‘ดาบบอส’ ตัวการใหญ่ ยังให้การปฏิเสธ

รวบคนร้ายแก๊งอุ้ม 5 ชาวจีน รีดเงิน 2.5 ล้านบาท  มีทั้งตำรวจและอดีตตำรวจร่วมขบวนการ เร่งหาหลักฐานจับผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่ม

จากกรณีชายฉกรรจ์ 3 คน บุกเข้าไปในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยประชาสงเคราะห์ 2 หรือ ซอยสุทธิพร แขวงดินแดง กรุงเทพ  อุ้มชาวจีน 5 ราย ออกจากห้องพัก โดยคนร้ายทั้ง 3 คน อ้างว่าเป็นตำรวจ ก่อนจะรีดเงินไปประมาณ 2,500,000 บาท แล้วปล่อยตัวผู้เสียหาย เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 25 เม.ย.67 ที่ผ่านมา ก่อนที่ผู้เสียหายจะเข้าแจ้งความเมื่อวันที่ 29 เม.ย.67

หลังเกิดเหตุ ตำรวจสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน โดยหลักฐานสำคัญ คือ ภาพจากกล้องวงจรปิดด้านหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ในซอยประชาสงเคราะห์ 2 หรือย่านดินแดง บันทึกเหตุการณ์ในช่วงเวลา 20.42 น. ของคืนวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา จับภาพกลุ่มคนร้าย โดย 1 ในคนร้าย ล็อกแขนพาผู้เสียหาย 2 คน ไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ด้านหน้าโรงแรม ส่วนคนร้ายอีกคน นำผู้เสียหายอีก 2 คน ไปขึ้นรถที่จอดอยู่ด้านหลัง ก่อนขับออกจากที่เกิดเหตุ

จากนั้นกลุ่มคนร้าย ได้พาผู้เสียหายชาวจีนไปรีดไถเงิน โดยบอกว่า ผู้เสียหายทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับธุรกิจการแลกเงิน แล้วข่มขู่ให้จ่ายเงินจำนวน 4 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดี แต่กลุ่มชาวจีนต่อรองเหลือ 3 ล้านบาท และได้ติดต่อหาเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชา โอนเงินมาเข้าบัญชีกระเป๋าเงินดิจิทัล เป็นเงินจำนวน 65,000 USDT หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2,500,000 บาท เมื่อจ่ายเงินกันเรียบร้อยแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ปล่อยตัวชาวจีนกลุ่มนี้และได้แยกย้ายกันหลบหนี ส่วนกลุ่มชาวจีนได้มาแจ้งความกับตำรวจ สน.ดินแดง เพราะกลัวความไม่ปลอดภัย

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (3 พ.ค.) เจ้าหน้าที่สามารถจับกุม ดาบตำรวจอรรถวุฒิ หรือ บอส อดีต ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.คันนายาว ที่ถูกออกจากราชการเมื่อปี 2566 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการ พร้อมกับคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ดินแดง โดยดาบบอส สวมหน้ากากอนามัย เนื่องจากป่วยเป็นโควิด-19 และสวมหมวกปิดบังใบหน้า ยืนยันว่าตัวเองไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะที่พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน  ตรวจสอบรถเบนซ์ E300 สีดำ ทะเบียน 8 กส 7770 กรุงเทพมหานคร  ของผู้ต้องหาที่ใช้ในการก่อเหตุ  ซึ่งเจ้าหน้าที่ตามยึดมาเป็นของกลาง เพื่อค้นหาลายนิ้วมือของกลุ่มผู้ต้องหาและผู้เสียหาย เป็นพยานหลักฐานในสำนวนการสอบสวน

ต่อมา พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล พร้อมพลตำรวจตรีธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจนครบาล ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี  

หลังการประชุม พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา หลังกลุ่มชาวจีนผู้เสียหายได้เดินทางเข้ามาประเทศไทยในวันที่ 19 เมษายน  หลังจากนั้นในวันที่ 25 เมษายน ก็มารวมตัวกันที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นห้องของหนึ่งในผู้เสียหาย เพื่อจะพูดคุยหาทางแลกเงินสดเอาไว้ใช้จ่ายระหว่างอยู่ที่ประเทศไทย จึงได้ติดต่อสาวชาวลาว ซึ่งมีเครื่องรูดบัตรเงินดิจิทัล

แต่หลังจากสาวชาวลาวคนนี้มาที่ห้องของผู้เสียหายได้เพียงแค่ 8 นาที กลุ่มผู้ก่อเหตุก็เดินทางเข้ามาที่โรงแรม ทำทีมาขอเปิดห้อง ก่อนที่จะเข้าไปในห้องของผู้เสียหายแล้วแสดงตัวเป็นตำรวจ และอ้างว่ากลุ่มผู้เสียหายกระทำความผิด จากนั้นจึงพาผู้เสียหายออกจากโรงแรมไปเพื่อข่มขู่รีดไถเงิน ซึ่งสาเหตุที่กลุ่มผู้เสียหายยอมให้เงินจำนวน 2.5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว เนื่องจากพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจจริง

หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหายได้ปรึกษากับเพื่อนชาวไทย ก่อนจะเข้ามาแจ้งความในวันที่ 29 เมษายน โดยผู้เสียหาย 1 คน เข้ามาให้ปากคำกับตำรวจ ส่วนอีก 4 คน เดินทางกลับประเทศจีนไปแล้ว หลังสอบปากคำผู้เสียหายเรียบร้อย ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน

หลังจากนั้นชุดสืบสวนจึงได้ติดตามตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบว่ามีการกระทำความผิดความจริง และคาดว่ามีผู้ก่อเหตุร่วมกันประมาณ 11 คน ใช้รถยนต์ในการก่อเหตุจำนวน 4 คน จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 5 ราย มีดาบบอส ที่ถูกจับได้แล้ว โดยเจ้าตัวให้การภาคเสธว่า เป็นบุคคลที่ปรากฏในภาพวงจรปิดจริง แต่ไม่ได้ร่วมกันกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ

ส่วนอีก 2 ราย คือ สิบตำรวจเอกภูวเดช เด็กหลี ศูนย์วิทยุผ่านฟ้า 191 และจ่าสิบตำรวจวีรยุทธ เพชรรัตน์ สังกัดงานจราจร สน.พญาไท ซึ่งตอนนี้สามารถจับกุมสิบตำรวจเอกภูวเดชได้แล้ว และกำลังนำตัวมาสอบปากคำ

และเมื่อเวลา 22.00 น.วานนี้ (3 พ.ค.6) สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้อีก 1 ราย เป็นพลเรือน คือ  นายธีรชัย เฉลิมวันเพ็ญ อายุ 36 ปี  โดยคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.ดินแดง เบื้องต้น เจ้าตัวให้การว่า ทำหน้าที่เป็นล่ามให้กับทีมอุ้ม เนื่องจากพูดภาษาจีนได้ โดยกลุ่มผู้ต้องหาติดต่อมาให้ไปพูดคุยกับคนจีน ได้รับค่าจ้างเป็นเงินสด 15,000 บาท เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานโดยมิได้เป็นฯ และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง เช่นเดียวกันกับ ผู้ต้องหาอีก 5 คนที่ถูกออกหมายจับ

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางตำรวจเชื่อว่าน่าจะมีคนชี้เป้า หรือทำหน้าที่เป็นนกต่อให้ข้อมูลกับผู้ต้องหา เนื่องจากว่าพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาทีหลังจากที่สาวชาวลาวขึ้นไปบนห้องของผู้เสียหาย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง

ในส่วนของผู้เสียหายที่ถูกนำตัวขึ้นรถไปเรียกค่าไถ่ จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีเพียง 4 รายเท่านั้นที่ถูกรีดไถ ส่วนอีก 1 คนไม่ได้ถูกพาไปรีดเงิน จึงตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะมีส่วนรู้เห็นกับขบวนการรีดทรัพย์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ

ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกออกหมายจับ มีสองคนที่ยังอยู่ในราชการ เบื้องต้นทางกองบังคับการตำรวจนครบาลได้ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนผู้บังคับบัญชาของตำรวจที่กระทำความผิด จะต้องมีการพิจารณาความผิดทางวินัยต่อไป

รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/m1T7P7WNUh4